สวัสดีครับ ผมอายุ 30 ปี เมื่อวันที่ 22 กันยายน ผมมีอาการติดเชื้อทางเดินปัสวะ (ซึ่งก่อนเป็นได้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน) ไปหาหมอ ตรวจปัสวะพบเซลล์เม็ดเลือดขาว หมอได้ยา ฆ่าเชื้อ/แก้อักเสบ (Ciprofloxacin) มาทาน 5 วัน หลังจากทานจนหมดผมมีอาการเจ็บองคชาติบางครั้ง และ ปวดหน่วงบริเวณอัณฑะ ผมจึงกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง หมอก็ทำการตรวจปัสวะซ้ำแต่รอบนี้ผล แลปปกติทุกอย่าง หมอจึงจ่ายยา แก้อักเสบ/ฆ่าเชื้อ (Ciprofloxacin) มาให้ทานอีก 5 วันผมทานจนยาหมดอาการเจ็บองคชาติ และ ปวดหน่วงอัณฑะ ก็ไม่ดีขึ้นหมอจึงส่งตัวผมเข้าพบหมอเฉพาะทางของโรงพยาบาล หมอเฉพาะทางได้ทำการตรวจ โดยการคลำอัณฑะ แล้วผมมีอาการเจ็บปวด หมอจึงบอกว่าผมเป็น อัณฑะอักเสบ จึงจ่ายยา แก้อักเสบ/ฆ่าเชื้อ (Ciprofloxacin) และยาแก้ปวด มาให้ทาน 10 วันผมทานจนยาหมดเหมือนอาการจะดีขึ้นแต่พอยาหมดได้ 1 อาทิตย์อาการกลับแย่ลง ปัสวะแล้วมีอาการเจ็บ มี มูกใสไหลออกมา และ เสียวท้องน้อยร่วมด้วย หมอจึงทำการตรวจปัสวะผม ผลแลปออกมาเป็นปกติ นับจนถึงตอนนี้ก็มีอาการมาประมาณ 40 วันแล้วครับ อาการแบบนี้ผมเสี่ยงที่จะเป็นต่อมลูกหมากอักเสบไหมครับ