July 12, 2020 14:02
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การที่มีเลือดออกมาผิดปกติระหว่างรอบเดือนนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- เป็นเลือดมี่ออกมาในวันที่มีการตกไข่
- มีระดับฮอร์โมนในเชือดที่ผิดปกติ
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- เนื้องอกหรือติ่งเนื้อบางอย่าง
เป็นต้นครับ
โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าเลือดออกมาเพียงเล็กน้อยแล้วหยุดได้เองก็มักไม่ได้มีสาเหตุที่อันตรายครับ ในกรณีนี้จึงสามารถรอสังเกตอาการไปก่อนได้
ส่วนยาสตรีนั้นหมอไม่แนะนำให้รับประทานเนื่องจากไม่ได้มีผลในการรักษาหรือช่วยในการมีบุตร และยังอาจเป็นสาเหตุให้มีเลือดออกผิดปกติมากขึ้นได้ครับ
ส่วนเรื่องการวางแผนมีบุตร หมอแนะนำว่าควรมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการตกไข่ 2-3 วันติดต่อกันครับ และถ้าประจำเดือนขาดหายไปปรพมาณ 2 สัปดาห์ก็ให้ตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ครับ
แต่ถ้าหากพยายามปล่อยมีบุตรมากกว่า 1 ปีแล้วยังไม่สำเร็จก็จะเข้าเกณฑ์การมีภาวะมีบุตรยาก และก็ควรไปพบแพทย์สูตินรีเวชเพื่อให้ความช่วยเหลือครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ประจำเดือนมาครั้งสุดท้าย 9 มิ.ย.-15 มิ.ย. และวางแผนจะตั้งครรภ์ ซึ่งสังเกตตัวเองว่าไข่ตกในช่วง 26 มิ.ย. หลังจากนั้นวันที่ 28 มิ.ย. ก็มีเลือดออกคล้ายประจำเดือน2 วัน แต่ไม่มาก (เปื้อนผ้าอนามัยน้อยมาก) ซึ่งตัวเองคิดว่าเป็นประจำเดือนทำไมมาน้อยจึงกินยาสตรีเข้าไป 1 ครั้ง แล้วเลือดก็หยุดมาทันที พอช่วงวันที่ 4 ก.ค.-12 ก.ค. มีอาการปวดท้องน้อยซ้าย ขวา ตรงกลาง สลับกันไป ส่วนใหญ่ปวดหลังจากการเดินมากๆ ช่วงเย็น และมีตกขาวค่อนข้างเยอะทุกวัน แล้วก็ลองซื้อที่ตรวจตั้งครรภ์มาตรวจวันที่ 8 ก.ค. แต่ขึ้นขีดเดียว ขอถามค่ะ 1.ตัวเองมีความผิดปกติไหมคะ แล้ว 2. ควรทำอย่างไรต่อดีคะในกางวางแผนตั้งครรภ์
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)