สอบถามครับวันที่19มีเพศสัมพันธ์กับภรรยา ตอนมีอะไรกันรู้สึกเจ็บตรงปลายและแสบตรงหนังหุ้มด้านในและก็ยังทำกิจกรรมจนเสร็จ พอเช้ามาตรงปลายอวัยวะจะพองเหมือนโดนน้ำร้อนลวกและก็แตกมีน้ำใสๆไหลออก ส่วนหนังหุ้มด้านในก็เป็นแผลเหมือนลอยถลอก เป็นเพราะอะไรครับ ไม่กล้าไปหาหมอเลยใช้ไฮโดรเยนล้างและก็ทายาก็ไม่ดีขึ้นจนวันที่22เลยไปหาหมอๆบอกน่าจะแพ้ยาอะไรสักอย่าง ก็เลยให้ยามาทาน1ตัวและยาทา2ตัว แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นยังแสบๆที่แผลแล้วแผลก็ยังไม่แห้ง ไม่รู้ต้องใช้เวลารักษานานแค่ไหนครับหรือผมใจร้อน หมอบอกว่าทายาเสร็จก็ให้ดึงหนังมาหุ้มปิดเหมือนเดิมแต่เหมือนมันทำให้แผลแฉะไม่แห้งสักที เลยอยากขอคำแนะนำครับ ผมแนบรูปแผลกับยามาให้ดูด้วยครับ

สวัสดีครับ
จากรูปนั้นดูมีลักษณะเหมือนแผลถลอกที่ที่เกิดจากการเสียดสีครับ สิ่งที่ต้องระวังในกรณีนี้คือต้องระวังไม่ให้แผลมีการติดเชื้อแทรกซ้อนเกิดขึ้น

การดูแลแผฃนั้นหมอแนะนำให้ดูแลรักษาความสะอาดของแผลให้ดี งดกิจกรรมทางเพศทุกชนิดไปก่อน และให้ทายา fusidic acid เพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ครับ ส่วนยาอื่นๆอาจไม่ได้มีความจำเป็นมากนัก

และหลังจากนี้ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์ก็ให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจประเมินอาการอีกครั้งครับ

จากรูปนั้นแผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่อาจใช้เวลาในการรักษาระยะหนึ่งค่ะ ถ้าหากเพิ่งเริ่มทายาต่างๆดังกล่าวให้ใช้ยาไปก่อน เนื่องจากมีทั้งยาที่ช่วยลดการอักเสบและยาฆ่าเชื้ออยู่แล้ว ซึ่งจะครอบคลุมในหลายโรคที่อาจมีอาการในลักษณะนี้ได้ เช่นผื่นแพ้สัมผัส แผลจากการเสียดสี หรือกระทั่งเรื่องของแพ้ยาดังที่คุณหมอบอกในตอนแรก เนื่องจากผิวบริเวณนี้เป็นบริเวณที่บอบบางมากทำให้เกิดผื่นต่างๆดังกล่าวข้างต้นได้ง่าย ส่วนเรื่องของการดูแลแผลอาจไม่ต้องปิดหนังหุ้มปลายแต่ต้องระมัดระวังการเสียดสีเพิ่มเติมและไม่ล้างขัดถูแรงจนเกินไป

ถ้าแผลเกิดหลังมีเพศสัมพันธ์ทันทีก็มีโอกาสที่จะเป็นแผลถลอกมากกว่าที่จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ครับ แต่ถ้าหากหลังจากนี้ประมาณ 1 สัปดาห์อาการยังไม่ดีขึ้น ก็ควรมีการเก็บตัวอย่างจากแผลไปตรวจหาเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เพิ่มเติมครับ

ส่วนใหญ่หากมีอาการในตอนแรกพองและมีน้ำใสๆเหมือนน้ำร้อนลวกมักไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แต่เป็นภาวะอักเสบต่างๆดังกล่าวข้างต้นมากกว่าค่ะอย่างไรก็ตามหากเรื้อรังแนะนำตรวจจริงที่โรงพยาบาลอีกครั้งโดยอาจพบแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง

สำหรับยาที่ใช้อยู่นั้นแนะนำให้ใช้ร่วมกันไปก่อนค่ะเนื่องจากหากทาfucidin อย่างเดียวจะครอบคลุมเฉพาะการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังเท่านั้นไม่ได้ช่วยลดภาวะการอักเสบจากการแพ้อื่นๆเลยค่ะ การที่คุณหมอให้ยานี้มาด้วยน่าจะเป็นเพราะต้องการป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อนเพิ่มเติมมากกว่าค่ะแต่ยาหลักคือยาอีกตัวหนึ่ง

การปิดหนังหุ้มปลายไม่ได้ทำให้แผลหายช้าครับ แต่ถ้าเปิดหนังหุ้มปลายออกและแผลมีการเสียดสีไปเรื่อยไปอาจทำให้แผลหายได่ยากกว่าครับ

การดูแลแผลลักษณะนี้หลักๆคือหลีกเลี่ยงการเสียดสีซึ่งอาจนำหนังหุ้มปลายขึ้นมาปิดดังที่แพทย์แนะนำแต่หากรู้สึกว่าแผลไม่แห้ง ก็อาจไม่ปิดหนังหุ้มปลายแต่ต้องระมัดระวังการเสียดสีโดยอาจใส่กางเกงที่หลวมไม่รัดแน่น นอกจากนี้ยังสามารถทาวาสลีนเพื่อปกป้องและให้ความชุ่มชื้นต่อผิวเพิ่มเติมค่ะ

ใช่แล้วค่ะเพื่อให้ตัวยามีการดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ก่อนแล้วจึงตามด้วยวาสลีนหลังสุดเพื่อปกป้องผิวและให้ความชุ่มชื้นค่ะ

ในกรณีที่ผื่นดีขึ้นแล้วอาจไม่จำเป็นต้องไปติดตามค่ะ แต่หากยังมีอาการหลงเหลืออยู่ก็ควรไปติดตาม เนื่องจากยาทาบางตัวไม่ควรทานนานโดยเฉพาะบริเวณที่บอบบางอย่างบริเวณนี้ค่ะ หรืออาจมีเหตุอื่นๆที่จะต้องสืบหาต่อไปหากเป็นเรื้อรังค่ะ

ส่วนคนไข้อีกท่านกรุณาตั้งกระทู้ใหม่ค่ะและถ้าให้ดีควรแนบรูปเบื้องต้นมาด้วยเนื่องจากอาจจะบอกอะไรได้ดีขึ้นค่ะ