March 07, 2020 12:43
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ถ้าใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หากใช้ถูกวิธี และตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด ก็มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมากจนไม่น่าจะกังวล และไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองค่ะ
ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาเร่งหรือเลื่อนประจำเดือน ถ้าที่ผ่านมาแฟนของผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอ ในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนรอบนี้ก็ควรจะมาตรงเวลาเหมือนเดิม หรือคลาดเคลื่อนไปเพียงไม่กี่วันนะคะ
แต่ถ้าที่ผ่านมาแฟนของผู้ถามมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนรอบนี้ก็อาจคลาดเคลื่อนได้มากตามที่เคยเป็น ไม่ว่าจะมีการใช้ยาคุมฉุกเฉินหรือไม่ก็ตามค่ะ
อย่างไรก็ตาม ถ้ากังวลใจ โดยเฉพาะเมื่อประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนได้นะคะ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ
และถ้าไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือถ้ามีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่เรื่อย ๆ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ถ้าหากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ได้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันอย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นโดยไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินครับ แต่ถ้าหากรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็จะไม่มีผลทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนออกไปมากเช่นกัน
ถ้าหากประจำเดือนของแฟนขาดหายไปในเบื้องต้นหมอก็แนะนำว่าควรตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจก่อนครับ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
แต่ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ ประจำเดือนก็อาจมาช้าได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ไทรอยด์เป็นพิษ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ความเครียด
ซึ่งในกรณีนี้ก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้อีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนหรือมีปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่บ่อยๆก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แฟนมีประจำเดือนวันที่17-21/12 มีไรกัน22/12 หลังจากนั้นมีไรกันอีกวันที่17/1 และ25/1 ระหว่างนั้นวันที่22/1 แฟนบอกปวดท้องน้อยคล้ายประจำเดือน วันที่25 ผมเลยให้กินMaple forte วันที่2/2 ตอนกลางรืนเธอมีตกขาวสีน้ำตาลตามด้วยประจำเดือน มาวันที่15/2เธอมีตกขาว วันที่17/2,22-23/2 ผมใช้นิ่วสอด พอมาวันนี้วันที่7/3 เธอยังไม่มีอาการคล้ายประจำเดือนจะมาเลย อยากทราบว่าผลของยาทำให้ผระจำเดือนเลื่อนได้หรือป่าว ใช่ผลของยาไหม ระหว่างนี้เธอก็เครียดเรื่องสอบเรื่องมหาลัยด้วย และเธอไม่มีอาการใดๆบ่งบอกว่าตั้งครรภ์เลยแม้แต่น้อย ร่างกายไม่เปลี่ยรแปลงเลย ทุกครั้งที่มีไรกันใช้ถุงยาง เข็คแล้วไม่ขาดไม่รั่ว
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)