คือหนูมีสิ่งนี้เกิดขึ้นที่บริเวณระหว่างลงมาจากช่องคลอดเกือบถึงตรงกลางระหว่างก้น ตอนแรกที่เป็นรู้สึกเจ็บๆแสบๆเวลาฉี่ค่ะ เป็นมาได้ 4-5 วันแล้วค่ะ แต่วันนี้ฉี่แล้วไม่ค่อยแสบแล้วค่ะ แล้วก็ช่วงแรกๆจะเจ็บอวัยวะเพศเวลานั่งค่ะ แต่ตอนนี้ก็เริ่มนั่งได้ง่ายขึ้นโดยที่ยังไม่ได้รักษาอะไรเลย บางครั้งมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดค่ะแต่ไม่เยอะมากนะคะเหมือนน้ำค่อยๆหยดค่ะ แต่หนูใส่ผ้าอนามัยไว้ค่ะ ในผ้าอนามัยมีเหมือนสีเหลืองๆเขียวๆเปื้อนด้วยค่ะ แล้วหนูก็มีขนที่อวัยวะเพศเยอะด้วย มีไปเรื่อยๆจนถึงก้นเลยค่ะ เลยอยากทราบว่ามันอาจจะเป็นเพราะว่าเกิดการเสียดสีของขนจึงทำให้เกิดบาดแผลรึเปล่าอะคะ แล้วหนูพอจะมีวิธีรักษาเบื้องต้นอย่างไรบ้างหรอคะ

สวัสดีครับ
จากรูปนั้นเป็นลักษณะของแผลที่มีการอักเสบติดเชื้ออยู่ ซึ่งก็อาจเกิดได้จากการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไปหรือจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น แผลริมอ่อนได้ครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสม

ส่วนในระหว่างนี้หมอก็แนะนำให้ดูแลรักษาความสะอาดของอวัยวะเพศให้ดี ระวังไม่ให้เกิดความอับชื้น ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป และควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในข่วงนี้ไปก่อนครับ

จากภาพ คล้ายการติดเชื้อที่อวัยวะเพศ ทั้งการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่ผิวหนัง การติดเชื้อเริม และ แผลริมอ่อน ครับ

จึงควรไปพบสูตินารีแพทย์ เพื่อนรวจรอยโรค และตรวจหาเชื้อเพื่อรับหารรักษาที่เหมาะสมครับ

ระหว่างนี้ล้างแผลเช็ดให้แห้ง และงดมีเพศสัมพันธ์

อาจทานยาแก้ปวดเช่น celebrex ibuprofen เพื่อลดการปวดแผลครับ

ยาที่สามารถใช้ลดอาการคันที่อวัยวะเพศได้จะเป็นยาในกลุ่มยาแก้แพ้ เช่น Chlorpheniramine, Hydroxyzine, Cetirizine, Loratadine เป็นต้นครับ ซึ่งก็สามารถหามารับประทานเพื่อบรรเทาอาการคันในเบื้องต้นก่อนได้

อย่างไรก็ตามการรับประทานยาเหล่านี้จะไม่สามารถรักษาการติดเชื้อที่เป็นสาเหตุได้ครับ ถึงแม้จะรับประทานยาเหล่านี้ก็ยังมีความจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาอยู่ครับ

ยาทาที่ใช้ลดอาการคันนั้นโดยมากจะเป็นยาลดการอักเสบในกลุ่มสเตียรอยด์ซึ่งจะมีผลข้างเคียงทำให้การจิดเชื้อลุกลามมากขึ้นได้ จึงไม่แนคให้ใช้ยาทาในกรณีนี้ครับ

ค่าใชในการตรวจรักษานั้นถ้าเป็นในโรงพยาบาลรัฐก็จะอยู่ในช่วง 500-1000 บาทครับ แต่ถ้าเป็นโรคพยาบาลเอกชนก็อาจอยู่ที่ 1000-2000 บาท ทั้งนี้สามารถไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลที่สะดวกโรงพยาบาลใดก็ได้ที่มีแพทย์แผนกนรีเวชครับ