June 07, 2020 21:22
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
1. การที่ประจำเดือนไม่มาและรับประทานยาปรับฮอร์โมนแล้วประจำเดือนก็ยังไม่มาอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- มีการสร้างฮอร์โมนที่ผิดปกติ
หมอแนะนำว่าควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุใหม่อีกครั้งก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
2. การที่เคยมีปีกมดลูกอักเสบมาก่อนอาจมีผลให้เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกรานหรือท่อนำไข่อุดตันและมีปัญหามีบุตรยากตามมาได้ครับ แต่นอกจากนี้ก็ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้อีก เช่น อสุจิที่ไม่มีคุณภาพดีพอ เนื้องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หมอแนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์สูตินรีเวชเพื่อให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้เช่นกันครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ เราอายุ 24 ปี แต่งงานกับแฟนมาได้ 1 ปีกว่าๆ แล้ว เราไม่ได้ป้องกันคือปล่อยตามธรรมชาติเลยค่ะ ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายวันที่ 15-22 มกราคมที่ผ่านมานี้ หลังจากนั้นเรามีอะไรกันแต่ก็ไม่บ่อยนะคะเดือนละ 1-2 ครั้ง แล้วประจำเดือนก็ไม่มาเลยค่ะ ตรวจแล้วไม่ท้อง ไปตรวจฉี่ที่ รพ. ก็ไม่ท้อง ตรวจเลือดหาไทรอยด์ก็ปกตินะคะ หลังจากนั้นเรามีอะไรกันปล่อยในตามปกติค่ะ ถัดมาอีกสองอาทิตย์หมอนัดเราส่งตัวไปตรวจที่ รพ. ของจังหวัดคุณหมอก็ไม่ได้ตรวจอะไร แค่สอบถามอาการแล้วให้ยาปรับสมดุลประจำเดือนมากิน เรากินตามที่หมอสั่งครบยาหมดแล้ว ประจำเดือนก็ยังไม่มาเลยค่ะ จนตอนนี้เริ่มกังวลมากๆ กลัวว่าจะเป็นอะไร มีความเป็นไปได้มั้ยคะที่เราจะเป็นเนื้องอกหรือเป็นอะไรเกี่ยวกับภายใน แล้วประจำเดือนไม่มาแบบนี้เรามีอะไรกับแฟนแล้วปล่อยในจะมีโอกาสท้องได้มั้ยคะ **เคยมีประวัติปีกมดลูกอักเสบเมื่อหลายปีก่อน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)