กองบรรณาธิการ HonestDocs
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HonestDocs

กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary incontinence)

เผยแพร่ครั้งแรก 23 เม.ย. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 8 นาที

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • การภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อในกระเพาะปัสสาวะที่ควบคุมการไหลของปัสสาวะเกร็ง หรือคลายตัวโดยไม่ตั้งใจ ส่งผลให้ปัสสาวะเล็ด หรือควบคุมการปัสสาวะไม่ได้
  • ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มีอยู่หลายประเภท ประเภทที่พบมากที่สุดคือ อาการปัสสาวะเล็ดขณะไอหรือจาม (Stress Incontinence) และภาวะที่กระเพาะปัสสาวะทำงานมากเกินไป หรือที่เรียกว่า อาการปัสสาวะราด (Urge Incontinence)
  • สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เรื้อรัง ได้แก่ กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะทำงานมากไป กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ ต่อมลูกหมากโต กระเพาะปัสสาวะอักเสบ การทำลายเส้นประสาทที่มีผลต่อการควบคุมกระเพาะปัสสาวะ
  • วิธีรักษามีทั้งการฝึกนิสัยการปัสสาวะใหม่ การฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หรือฝึกกระชับช่องคลอด การใช้ยา และการผ่าตัดรักษากระเพาะปัสสาวะ หรือผ่าตัดใส่อุปกรณ์ รวมทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อแก้ปัญหาชั่วคราว เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ 
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย

การภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อในกระเพาะปัสสาวะที่ควบคุมการไหลของปัสสาวะเกร็ง หรือคลายตัวโดยไม่ตั้งใจ ส่งผลให้ปัสสาวะเล็ด หรือควบคุมการปัสสาวะไม่ได้ 

อาการนี้เกิดกับเกือบ 1 ใน 10 ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่นี้มีตั้งแต่ระดับอ่อนๆ คือ ปัสสาวะเล็ดบ้างเป็นครั้งคราวจนถึงไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้เลยอย่างถาวร 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

สาเหตุของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อาจสร้างปัญหาให้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว โดยมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อที่ช่องคลอด หรือทางเดินปัสสาวะ (UTI) อาการท้องผูก การใช้ยาบางชนิด หรืออาจเป็นปัญหาเรื้อรัง

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เรื้อรัง ได้แก่

  • กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะทำงานมากไป
  • กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ
  • สำหรับผู้ชายบางคน ต่อมลูกหมากอาจขยายใหญ่ขึ้น หรือเป็นโรคต่อมลูกหมากโต (BPH)
  • การทำลายเส้นประสาทที่มีผลต่อการควบคุมกระเพาะปัสสาวะ
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือ Interstitial cystitis (เป็นการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะเรื้อรัง) หรือภาวะกระเพาะปัสสาวะอื่นๆ
  • ความพิการ หรือข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถไปเข้าห้องน้ำได้อย่างทันท่วงที
  • ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดที่ผ่านมา

อาการปัสสาวะเล็ดขณะไอ หรือจาม (Stress Incontinence)

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มีอยู่หลายประเภท ประเภทที่พบมากที่สุดคือ อาการปัสสาวะเล็ดขณะไอหรือจาม (Stress Incontinence) และภาวะที่กระเพาะปัสสาวะทำงานมากเกินไป หรือที่เรียกว่า อาการปัสสาวะราด (Urge Incontinence)

อาการปัสสาวะเล็ดขณะไอ หรือจาม เป็นการปัสสาวะเล็ดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ สาเหตุมาจากแรงดัน หรือการหดตัวอย่างฉับพลันของกล้ามเนื้อในกระเพาะปัสสาวะ ภาวะนี้มักเกิดขึ้นขณะออกกำลังกาย การยกของหนัก ไอ จาม หรือหัวเราะ 

การปัสสาวะเล็ดนี้เป็นปัญหาการควบคุมกระเพาะปัสสาวะที่พบมากในหญิงวัยสาวและวัยกลางคน ในผู้หญิงที่อายุยังน้อย ภาวะนี้อาจเกิดจากการที่มีกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่อ่อนแออยู่แล้ว หรือเป็นผลจากแรงบีบจากการคลอดบุตร 

ในหญิงวัยกลางคน ภาวะปัสสาวะเล็ดนี้อาจเริ่มเป็นปัญหาในช่วงหมดประจำเดือน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

อาการปัสสาวะราด (Urge Incontinence)

อาการปัสสาวะราดบางครั้งก็เรียกว่า ภาวะกระเพาะปัสสาวะทำงานมากเกินไป หรือ OAB ภาวะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะแต่กลั้นได้ไม่นานพอที่จะไปปัสสาวะที่ห้องน้ำได้ 

ภาวะปัสสาวะราดนี้บางครั้งก็เกิดกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือมีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน หรือโรคปลอกประสาทอักเสบ ( Multiple sclerosis

ในผู้ป่วยบางราย การปัสสาวะราดอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในระยะแรกๆ

ประเภทของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อื่นๆ

  • ปัสสาวะเล็ดโดยไม่รู้ตัว (Overflow incontinence) ภาวะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่สามารถปัสสาวะได้หมดและปัสสาวะก็เล็ดออกมาอีก เนื่องจากร่างกายผลิตปัสสาวะระลอกใหม่ออกมาด้วย การปัสสาวะเล็ดบางครั้งก็เกิดกับผู้ชายที่มีต่อมลูกหมากโตและอาจพบในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีไขสันหลังอักเสบ
  • ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เนื่องจากข้อจำกัดของร่างกาย (Functional Incontinence) การกลั้นปัสสาวะไม่ได้ประเภทนี้ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะแต่จะเกี่ยวกับการลุกไปเข้าห้องน้ำไม่ทันมากกว่า มักพบในคนสูงวัย หรือผู้พิการที่สามารถควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ปกติ หรือเกือบจะปกติ ที่เคลื่อนไหวลำบาก หรือมีข้อจำกัดในการเคลื่อไหวนั่นเอง
  • ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้เลย (Gross total incontinence) หมายถึง การที่มีปัสสาวะไหลออกจากกระเพาะปัสสาวะอย่างต่อเนื่องเพราะกระเพาะปัสสาวะไม่ทำหน้าที่ในการกักเก็บปัสสาวะ ภาวะนี้อาจเป็นผลมาจากความบกพร่องทางด้านกายภาพ (anatomical defect) การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง  กระเพาะปัสสาวะทะลุ (fistula) หรือผลกระทบหลังการผ่าตัดทางเดินปัสสาวะ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

  • เพศหญิง ผู้หญิงมักจะประสบกับการปัสสาวะเล็ดขณะไอ หรือจามเป็นสองเท่าของผู้ชาย ในทางกลับกันผู้ชายนั้นเสี่ยงที่จะปัสสาวะราดและปัสสาวะเล็ดโดยไม่รู้ตัวมากกว่า
  • สูงวัย เมื่อมีอายุมากขึ้น กระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้อหูรูดปัสสาวะจะอ่อนแอลง ซึ่งจะทำให้ปัสสาวะเล็ดโดยไม่รู้ตัวบ่อยขึ้น
  • มีไขมันส่วนเกินในร่างกาย ไขมันจำนวนมากในร่างกายจะไปเพิ่มความดันในกระเพาะปัสสาวะและนำไปสู่การปัสสาวะเล็ดขณะออกกำลังกาย หรือเวลาไอ หรือจาม
  • เป็นโรคเรื้อรังอื่นๆ โรคหลอดเลือด โรคไต โรคเบาหวาน มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคอัลไซเมอร์ โรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple sclerosis) โรคพาร์กินสัน และโรคอื่นๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้
  • สูบบุหรี่ อาการไอเรื้อรังของผู้สูบบุหรี่สามารถกระตุ้น หรือทำให้ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้รุนแรงขึ้นได้ โดยจะไปเพิ่มแรงดันที่กล้ามเนื้อหูรูดปัสสาวะนั่นเอง
  • เล่นกีฬาที่มีการปะทะสูง การเล่นกีฬาต่างๆ อาจไม่ทำให้เราปัสสาวะเล็ด หรือราดได้  แต่การวิ่ง กระโดด และการทำกิจกรรมอื่นๆ ที่สร้างแรงดันให้กับกระเพาะปัสสาวะในทันทีทันใดสามารถนำไปสู่อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ขณะเล่นกีฬาได้เป็นครั้งคราว

การวินิจฉัยภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่จะดูออกได้ง่าย อาการแรกเริ่มที่คนส่วนใหญ่เป็นกันคือ การปัสสาวะออกโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม การกำหนดประเภทและสาเหตุของอาการดังกล่าวอาจเป็นเรื่องยากและจำเป็นต้องใช้การตรวจและทดสอบที่หลากหลาย 

แพทย์ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการดังต่อไปนี้

  • การจดบันทึกการปัสสาวะ (A bladder diary) แพทย์อาจให้คุณสังเกตการณ์และติดตามการดื่มของเหลวและการปัสสาวะในช่วงหลายๆวัน วิธีนี้อาจรวมถึงการติดตามว่า มีช่วงของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือการปัสสาวะที่ฉุกเฉินหรือไม่ เพื่อช่วยในการวัดปริมาณปัสสาวะอาจต้องใช้อุปกรณ์ชื่อ "calibrated container" ซึ่งจะวางไว้เหนือชักโครกได้พอดีเพื่อกักเก็บน้ำปัสสาวะของคุณ
  • การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) ตัวอย่างปัสสาวะสามารถตรวจหาการติดเชื้อ ร่องรอยของเลือด หรือความผิดปกติอื่นๆ เช่น การปรากฏตัวของเซลล์มะเร็ง การเพาะเชื้อจากปัสสาวะ (urine culture) จะช่วยตรวจหาสัญญาณของการติดเชื้อ ส่วนการตรวจเซลล์กระเพาะปัสสาวะ (urine cytology) จะช่วยตรวจหาเซลล์มะเร็ง
  • การตรวจเลือด (Blood tests) การตรวจเลือดสามารถตรวจหาสารเคมีและสารต่างๆ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับสภาวะต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้
  • Pelvic ultrasound เป็นการตรวจจากการอัลตราซาวน์กระเพาะปัสสาวะ หรือส่วนอื่นๆ ของทางเดินปัสสาวะ เพื่อตรวจหาปัญหาที่เกิดขึ้น
  • การตรวจวัดปริมาณปัสสาวะที่ตกค้าง (Postvoid residual (PVR) measurement) ผู้ป่วยจะต้องถูกล้างกระเพาะปัสสาวะออกจนหมด แล้วแพทย์จะตรวจวัดปริมาณปัสสาวะที่หลงเหลืออยู่ หากมีจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า มีภาวะปัสสาวะเล็ดโดยไม่รู้ตัว
  • การทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ในการทดสอบนี้ ผู้ป่วยจะต้องไอ หรือเกร็งช่วงล่างอย่างแรง ขณะที่แพทย์ทำการตรวจเช็คปัสสาวะที่ไหลออกในช่วงนั้น
  • การตรวจพลศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ (Urodynamic testing) การทดสอบนี้จะวัดแรงดันที่กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้อหูรูดปัสสาวะว่า สามารถทนต่อการหยุดพักและระหว่างการใส่ของเหลว หรือไม่
  • การถ่ายภาพรังสีที่กระเพาะปัสสาวะ (Cystogram หรือ Cystography) การเอ็กซเรย์กระเพาะปัสสาวะวิธีนี้ สีย้อมจะถูกฉีดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะและเมื่อผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะ สีย้อมจะปรากฏในการเอ็กซเรย์และจะแสดงภาพความผิดปกติภายในทางเดินปัสสาวะ  
  • การส่องกล้องดูกระเพาะปัสสาวะ(cystoscopy) กระบวนการนี้จะใช้อุปกรณ์ที่เป็นท่อบางๆ ที่มีเลนส์กับไฟฉายเล็กๆ อยู่ที่ปลายท่อ เรียกว่า "Cystoscope" จะถูกสอดเข้าไปในท่อปัสสาวะ แพทย์จะส่องตรวจเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะและท่อกระเพาะปัสสาวะด้วยสายตา

การรักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เองที่บ้าน

การรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุ ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะลองใช้วิธีรักษาที่ง่ายที่สุดก่อนจะใช้ยา หรือการผ่าตัดรักษา

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

  • การฝึกนิสัยการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะ เป็นแนวทางแรกที่ใช้รักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป้าหมายของการรักษาคือ เพื่อกำหนดตารางการปัสสาวะให้เป็นปกติ สม่ำเสมอ พร้อมทั้งกำหนดช่วงพักช่องว่างระหว่างช่วงที่ปัสสาวะด้วย แพทย์มักจะแนะนำให้เริ่มฝึกทุกๆ หนึ่งชั่วโมง และค่อยๆ เพิ่มระยะห่างในการปัสสาวะเมื่อเวลาผ่านไป
  • การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Pelvic muscle exercises) หรือการฝึกกระชับช่องคลอด (kegel exercise) การฝึกเป็นประจำจะช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้นและจะช่วยให้ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ดีขึ้น 

วิธีบริsารเริ่มด้วย การเกร็งกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกักเก็บปัสสาวะและหดเกร็งไว้ประมาณ 4-10 วินาที จากนั้นผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยใช้ระยะเวลาเท่ากันในการผ่อนคลาย อาจใช้เวลาฝึกเป็นสัปดาห์ หรือเดือน ในการฝึกจึงจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง

ส่วนวิธีอื่นๆ ที่จะฝึกกระชับช่องคลอดคือ การหยุดชะงักการหลั่งปัสสาวะเป็นเวลาหลายๆ วินาทีระหว่างที่กำลังปัสสาวะ

ยารักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

แพทย์จะสั่งยาเพื่อจัดการกับภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ยาจะออกฤทธิ์ผ่อนคลายกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะเพื่อหยุดยั้งการหดเกร็งที่ไม่เป็นปกติและมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการปัสสาวะราด

ยาที่ใช้รักษาประกอบด้วย

  • Bentyl (dicyclomine)
  • Cystospaz (hyoscyamine)
  • Detrol หรือ Detrol LA (tolterodine)
  • Ditropan หรือ Ditropan XL (oxybutynin)
  • Levbid (hyoscyamine)
  • Oxytrol (oxybutynin)
  • ProBanthine (propantheline)
  • Sanctura (trospium)
  • Urispas (flavoxate)
  • Urotrol (oxybutynin)

ยาอื่นๆที่ใช้รักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้ ได้แก่

  • M3 selective receptor antagonists ยากลุ่ม anticholinergic จะมุ่งเข้าที่ตัวรับของเส้นประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะกระตุกโดยไม่ตั้งใจโดยเฉพาะ ยาประเภทนี้มีอยู่ 2 ตัวยาที่ได้รับการรับรองแล้วว่า สามารถใช้รักษาอาการปัสสาวะราด ได้แก่ Enablex (darifenacin), VESIcare (solifenacin)
  • Alpha-adrenergic antagonists หรือ alpha-blockers ยาประเภทนี้จะทำงานโดยเข้าไปผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบ จะช่วยให้ปัสสาวะได้ดีขึ้น ซึ่งยาประเภทนี้ใช้ได้ผลดีในผู้ชายที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโต (BPH) และมีอาการปัสสาวะราด

ยากลุ่ม Alpha-adrenergic antagonists ได้แก่ Cardura หรือ Cardura XL (doxazosin), Flomax (tamsulosin), Hytrin (terazosin), Uroxatral (alfuzosin)

  • Alpha-adrenergic agonists ยากลุ่มนี้ เช่น ยาเอฟีดรีน (pseudoephedrine' target='_blank'>Ephedrine) และยาซูโดเอฟีดรีน (pseudoephedrine)   อาจได้ผลกับผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะเล็ดขณะไอ หรือจามอ่อนๆ เนื่องจากยาจะไปช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเปิดและปิดหูรูดปัสสาวะให้แข็งแรงขึ้น ผลข้างเคียงของยาประเภทนี้ เช่น นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายและวิตกกังวลยาประเภท Alpha-adrenergic agonists ไม่ควรใช้กับคนที่หัวใจมีปัญหา เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคต้อหิน หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism)
  • ยารักษาอาการซึมเศร้า กลุ่ม Tricyclic Antidepressants (TCAs) คือ สารสื่อประสาท เซโรโทนิน (serotonin) และนอร์แอดรีนาลี (Noradrenaline) เชื่อว่า ทั้ง 2 สารนี้มีบทบาทในการปัสสาวะและเกี่ยวข้องกับอาการปัสสาวะราดและปัสสาวะเล็ดขณะไอ หรือจาม

ยาที่ใช้ในการปรับสารสื่อประสาท ได้แก่ Janimine (imipramine), Norpramin (desipramine), Pamelor (nortriptyline), Sinequan (doxepin), Tofranil (imipramine)

การผ่าตัดฝังอุปกรณ์ เพื่อรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Implants for Incontinence)

บางครั้งผู้ป่วยก็ต้องผ่าตัดเพื่อกำจัดสิ่งอุดตันในกระเพาะปัสสาวะ หรือท่อปัสสาวะอันเป็นสาเหตุของอาการปัสสาวะเล็ดไม่รู้ตัว หรืออาจต้องเปลี่ยนตำแหน่งของกระเพาะปัสสาวะเพื่อกำจัดความดันในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุของการปัสสาวะเล็ดขณะไอ หรือจาม 

กระบวนการผ่าตัดที่ใช้ในการรักษาอาการปัสสาวะเล็ดขณะไอ หรือจามมากที่สุด มีอยู่ 2 วิธี ได้แก่ 

  • การผ่าตัดที่เรียกว่า Sling procedure
  • วิธี Bladder neck suspension บางครั้งจะใช้ไฟฟ้ากระตุ้นที่เส้นประสาทซาคราล (Sacral nerve stimulation) เพื่อรักษากระเพาะปัสสาวะที่ไวเกิน 

การรักษานี้จะเป็นกระบวนการผ่าตัดเพื่อฝังอุปกรณ์ขนาดเล็กไว้ใต้ผิวหนังที่ก้น อุปกรณ์นี้จะกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ไปที่เส้นประสาท sacral เป็นระยะๆ ส่งผลให้เพิ่มความตึงเครียดขึ้นในกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ กล้ามเนื้อหูรูด และกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยจัดการกับภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

  • ผ้าอ้อมและชุดชั้นในผู้ใหญ่ เป็นแผ่นอนามัยที่ไม่ใหญ่มากและชั้นในที่สวมใส่สบายๆภายใต้เสื้อผ้า มีหลายขนาดทั้งของผู้ชายและผู้หญิง สำหรับผู้ที่มีอาการปัสสาวะเล็ดระดับอ่อนๆ ถึงปานกลาง อาจใช้แค่แผ่นอนามัย (panty liners) แบบบางก็พอ
  • Patches and plugs ผู้หญิงหลายคนสามารถจัดการกับการรั่วซึมจากภาวะปัสสาวะเล็ดขณะไอจามได้โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันการไหลของปัสสาวะ เช่น แผ่นอุดกั้นปากมดลูก (แผ่นอนามัยที่มีกาวติดแน่นแต่สามารถถ่ายเทอากาศได้ขนาดเล็กๆ มีขนาดพอดีกับปากมดลูก) ผ้าอนามัยแบบสอด (tampon) หรืออุปกรณ์ที่ใช้สอดในช่องคลอด ที่ชื่อ pessary  
  • หลอดสวนปัสสาวะ (Catheters) สำหรับผู้ที่กลั้นปัสสาวะไม่อยู่จริงๆ แบบควบคุมไม่ได้เลย แพทย์จะใส่หลอดสวนปัสสาวะ (catheter) ในท่อปัสสาวะเพื่อระบายปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากวิธีนี้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและเป็นนิ่วในไตสูง หลอดสวนปัสสาวะจึงมักเป็นทางเลือกสุดท้ายและจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหนักจริงๆเท่านั้น

แม้ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อาจไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจลงไปได้มาก บางคนถึงขั้นทำให้คุณภาพชีวิตต่ำลงได้ หากคุณ หรือคนใกล้ชิดมีปัญหานี้ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ รีบคำแนะนำ และทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป  

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


14 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Everyday Health, Urinary Incontinence - Causes, Risks, Types, Medications & Surgery (https://www.everydayhealth.com/urinary-incontinence/guide/), 20 October 2019.
Johns Hopkins Medicine, Solutions for a Leaky Bladder (https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/urinary-incontinence/solutions-for-a-leaky-bladder), 24 October 2019.
Medscape, Urinary Incontinence: Practice Essentials, Background, Anatomy (https://emedicine.medscape.com/article/452289-overview), 21 October 2019.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
มีอาการฉี่บ่อย และหนาวง่าย อยากทราบว่ามีโอกาสเป็นโรคอะไร และมีวิธีดูแลรักษาเบื้องต้นอย่างไรบ้างคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
มีปัญหาเรื่องปัสสาวะเล็ดอยู่ตลอดเวลา จะมีทางรักษาไหม
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ฉี่บ่อยเวลากลางคืนจะเป็นไรไหมครับ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ทำไมคนที่เคยเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบถึงได้เป็นบ่ยๆ มีวิธีรักษาให้หายขาดไหม
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยมากค่ะ ทั้งที่กลางวันไม่ค่อยได้ดื่มน้ำเท่าไร เป็นมานาน เคยตรวจแต่ไม่พบอะไร มีโรคประจำตัว ms ค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน ถามว่า อาการขั้นแรกรักษาให้หายได้หรือไม่
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)