กภ. ธีรวิทย์ วิโรจน์วิริยะกุล นักกายภาพบำบัด
เขียนโดย
กภ. ธีรวิทย์ วิโรจน์วิริยะกุล นักกายภาพบำบัด
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

กายภาพบำบัด เวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ไม่ได้มีดีแค่การฟื้นฟู

เข้าใจความสำคัญและประโยชน์ของการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายด้วยกายภาพบำบัด
เผยแพร่ครั้งแรก 30 เม.ย. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 5 มิ.ย. 2019 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที
กายภาพบำบัด เวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ไม่ได้มีดีแค่การฟื้นฟู

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • กายภาพบำบัด เป็นศาสตร์การฟื้นฟูสุขภาพโดยไม่อาศัยการรับประทานยา ไม่เน้นการผ่าตัด แต่เน้นไปในทางฝึกให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวในท่าที่เหมาะสม หรือผ่านการประคบร้อน ประคบเย็น การใช้เลเซอร์ การอัลตราซาวด์ การนวด เพื่อให้ร่างกายผู้ป่วยฟื้นฟูกลับมาทำงานได้ตามปกติ
  • ผู้ที่มาทำกายภาพบำบัด จะต้องเป็นนักกายภาพบำบัดที่มีใบประกอบโรคศิลปะสาขากายภาพบำบัด จะต้องเป็นผู้มีความรู้ และเชี่ยวชาญเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ สรีระวิทยา และเทคนิคทางกายภาพเป็นอย่างดี
  • นักกายภาพบำบัดสามารถแบ่งออกได้ตามระบบที่มักต้องรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด เช่น ระบบประสาท ระบบทรวงอก และหัวใจ ระบบกระดูกกับกล้ามเนื้อ
  • ผู้สูงอายุ ก็เป็นอีกกลุ่มที่มักเข้ารับการทำกายภาพบำบัด เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และส่งเสริมสุขภาพจิต
  • ระยะเวลาในการทำกายภาพบำบัดของผู้ป่วยแต่ละรายจะไม่เท่ากัน นอกจากนี้ยังอาจต้องรักษาควบคู่ไปกับการใช้ยาด้วย
  • เปรียบเทียบราคา แพ็กเกจการทำกายภาพบำบัด การนวดเพื่อการรักษาอาการบาดเจ็บ

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “กายภาพบำบัด” อยู่บ่อยครั้ง แต่อาจยังไม่ทราบความหมายที่แน่ชัด หรือยังไม่เข้าใจว่า การกายภาพบำบัดมีความสำคัญอย่างไร จำเป็นมากน้อยแค่ไหน หากเทียบกับการรักษาด้วยยา หรือการผ่าตัด

วิธีทำกายภาพบำบัด

การทำกายภาพบำบัด เป็นคำที่แปลมาจาก "Physical Therapy" ในภาษาอังกฤษมีความหมายว่า "การรักษาด้วยเครื่องมือทางกายภาพ (Physical Modalities)" 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

กายภาพบำบัดจึงเป็นศาสตร์การรักษาที่ไม่อาศัยการรับประทานยา ไม่เน้นการผ่าตัด เพื่อบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยในกลุ่มอาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ข้อ กระดูก ระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ (หัวใจและปอด) 

นอกจากนี้ กายภาพบำบัดจะรวมไปถึงโรคที่เกิดจากอุบัติเหตุ โรคออฟฟิศซินโดรม รวมทั้งผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาต ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อเสื่อม ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวด้วย  

การรักษาทางกายภาพบำบัดมีหลายวิธี เช่น 

  • ใช้อัลตราซาวด์ 
  • การเลเซอร์ 
  • ประคบร้อน ประคบเย็น 
  • การนวด
  • การออกกำลังกายเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว และเพิ่มความแข็งแรง 

ผู้ให้บริการกายภาพบำบัดเรียกว่า "นักกายภาพบำบัด" ต้องจบการศึกษาด้านกายภาพบำบัดโดยตรง และต้องมีใบประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัดที่ออกให้โดยสภากายภาพบำบัดเท่านั้น 

นักกายภาพบำบัดจะทำงานร่วมกับวิชาชีพด้านสาธารณสุขอื่นๆ เช่น แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักเทคนิคการแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับผลการรักษาที่มีผลสำเร็จสูงสุด

ความสำคัญ และประโยชน์จากการทำกายภาพบำบัด

กายภาพบำบัดเป็นวิทยาศาตร์การแพทย์สาขาหนึ่งที่ให้ความสำคัญแก่การฟื้นฟูผู้ป่วยในภาวะต่างๆ ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

นอกจากนี้ การทำกายภาพบำบัดยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ รวมทั้งลดอัตราเสี่ยงของการกลับมามีอาการซ้ำด้วย ปัจจุบันเราสามารถแบ่งนักกายภาพบำบัดเป็นกลุ่มใหญ่ๆ (พร้อมตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจง่าย) ได้ดังนี้

1. ระบบกระดูก และกล้ามเนื้อ 

เช่น ผู้ป่วยที่ข้อเท้าพลิกทำให้เอ็นข้อเท้าฉีกขาด หลังจากได้รับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางด้านระบบกระดูกและกล้ามเนื้อด้วยการใส่เฝือกแล้ว การรักษาที่ได้รับจากนักกายภาพบำบัดอาจเริ่มตั้งแต่...

  1. ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลเฝือก 
  2. การเลือกอุปกรณ์ช่วยเดินให้เหมาะสมกับอาการ 
  3. กิจกรรมที่ผู้ป่วยต้องทำเพื่อให้เคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น เช่น การฝึกเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน การออกกำลังกายเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น อาการบวม หรือการติดแข็งของข้อต่อใกล้เคียง เนื่องจากถูกเฝือกจำกัดการเคลื่อนไหว

เมื่อผู้ป่วยตัดเฝือกออก ต้องฝึกลงน้ำหนักอย่างถูกต้อง การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อเท้า และการออกกำลังกายเพื่อป้องกันการพลิกซ้ำของข้อเท้าเป็นสิ่งสำคัญมาก 

และหลังจากถอดเฝือกแล้ว ผู้ป่วยยังอาจยังมีอาการปวดบริเวณข้อเท้าเหลืออยู่ นักกายภาพบำบัดอาจเลือกใช้อัลตราซาวด์ซึ่งเป็นคลื่นเหนือเสียงเพื่อลดปวดก็ได้

2. ระบบประสาท 

เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย หรือไม่สามารถขยับร่างกายซีกนั้นได้เลย ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรได้รับการรักษาทางกายภาพบำบัดทันทีที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แม้อาจยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม

นักกายภาพบำบัดอาจเริ่มจากเคลื่อนไหวข้อต่อของผู้ป่วยก่อนเพื่อป้องกันการติดแข็ง เมื่อผู้ป่วยเริ่มรู้สึกตัว ก็จะเริ่มฝึกการเคลื่อนไหวตัวเองบนเตียงด้วยกำลังเท่าที่มี เช่น ฝึกนั่ง ฝึกยืน ฝึกเดินด้วยเครื่องช่วยเดินต่างๆ จนกระทั่งผู้ป่วยสามารถกลับมาเดินได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
กายภาพบำบัดและนวดเพื่อการรักษาวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 198 บาท ลดสูงสุด 92%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ระหว่างการออกกำลังกาย ผู้ป่วยอาจจะมีอาการเกร็งแข็งของกล้ามเนื้อ (Spaticity) ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง นักกายภาพบำบัดอาจเลือกใช้อุณภูมิทั้งความร้อน หรือความเย็นเพื่อยับยั้งการเกร็งแข็งที่ผิดปกติ และส่งเสริมการเคลื่อนไหวที่ปกติได้

3. ระบบทรวงอก และหัวใจ 

เช่น ผู้ป่วยระยะวิกฤตที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน อาจมีเสมหะคั่งค้างในปอดมากทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ 

นักกายภาพบำบัดจะมีวิธีช่วยระบายเสมหะด้วยกันหลายวิธี แม้กระทั่งในผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว รวมถึงการใส่ท่อเล็กๆ ที่เชื่อมกับถังสุญญากาศผ่านทางปาก และจมูกผ่านลงไปในหลอดลมเพื่อดูดเสมหะที่คั่งค้างออกมาด้วย 

นอกจากนี้ ผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจโดยศัลยแพทย์ทรวงอกก็มีข้อกำหนดชัดเจนว่า จะต้องเข้ารับการรักษาทางกายภาพบำบัด เพื่อให้สามารถทำกิจวัตรในชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติ ก่อนที่จะกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้

4. กายภาพบำบัดในเด็ก 

เช่น เด็กที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติของสมองทำให้มีพัฒนาการล่าช้ากว่าวัย ไม่สามารถคลาน ยืน เดิน พูด หรือกลืนอาหารได้อย่างปกติ สิ่งเหล่านี้ล้วนแก้ไข หรือบรรเทาความรุนแรงของความบกพร่องทางร่างกายในอนาคตได้ด้วยการทำกายภาพบำบัด

5. กายภาพบำบัดในผู้สูงอายุ 

เป็นอีกสาขาที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการเข้าค่อยๆ ขยับเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุของหลายๆ ประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย นักกายภาพบำบัดที่ทำงานในด้านนี้จึงมีบทบาทอย่างมาก เช่น 

  • การออกกำลังเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของร่างกาย 
  • การจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการมีสุขภาพจิตที่ดี 
  • การป้องกันภาวะโรคต่างๆ ที่มาพร้อมกับอายุที่มาขึ้น เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคกระดูกพรุน และกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ

6. กายภาพบำบัดทางการกีฬา 

มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาแต่ละประเภทที่อาศัยทักษะ และการทำงานของกล้ามเนื้อในร่างกายที่แตกต่างกัน ป้องกันการบาดเจ็บ และรักษาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นระหว่างเล่นกีฬา 

นอกจากนี้ การฟื้นฟูนักกีฬาที่บาดเจ็บให้กลับมาลงแข่งขันได้อย่างรวดเร็วที่สุด ก็เป็นงานสำคัญของนักกายภาพบำบัดที่ทำงานด้านนี้

ดังที่ได้ยกตัวอย่างไว้เล็กน้อยข้างต้นจะเห็นว่า วัตถุประสงค์หลักของการทำกายภาพบำบัดก็เพื่อสนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างเต็มความสามารถที่ตนเองมีในทุกช่วงอายุ หรือแม้กระทั่งระหว่างบาดเจ็บนั่นเองนั่นเอง 

นอกจากนี้ ยังมีงานด้านอื่นๆ ของนักกายบำบัดที่น่าสนใจอีก เช่น 

  • ธาราบำบัด ซึ่งเน้นการออกกำลังกายในน้ำสำหรับทั้งผู้ที่มีสุขสภาพดี และผู้ที่มีปัญหาในการออกกำลังกายบนบก 
  • การออกแบบ และผลิตกายอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย 
  • การควบคุม หรือฝึกสอนออกกำลังกายทางเลือกที่ต้องอาศัยความรู้พื้นฐานด้านสรีระวิทยา เช่น พิลาทีส การออกแบบรองเท้าให้เหมาะสมกับรูปเท้าของผู้รับบริการแต่ละคน กายภาพบำบัดในสตรีตั้งครรภ์

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการรักษาทางกายภาพบำบัด

1. ผู้ให้การรักษาต้องมีใบประกอบโรคศิลปะสาขากายภาพบำบัด

กายภาพบำบัดเป็นการรักษาที่อาศัยหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบัน  

ดังนั้นนักกายภาพบำบัดต้องมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ สรีระวิทยา และเทคนิคทางกายภาพบำบัดอย่างดี ก่อนเข้ารับการรักษาควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผู้ให้การรักษามีใบประกอบโรคศิลปะสาขากายภาพบำบัด

2. อาจต้องรักษาควบคู่กันไปกับการใช้ยา

ถึงแม้กายภาพบำบัดจะอาศัยหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบัน และไม่มุ่งเน้นไปที่การรักษาด้วยยา แต่หากอาการของผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องรับการรักษาทางยาควบคู่กับการทำกายภาพบำบัด 

ดังนั้นคุณควรทำตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัดควบคู่กับการปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร ไม่ควรรับประทานยาด้วยตัวเอง

3. ผลของการรักษาทางกายภาพบำบัดขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง 

เช่น อาการ และความรุนแรงของอาการ อายุของผู้ป่วย ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังอาการปวดอาจลดลงครึ่งหนึ่ง หรือไม่มีอาการปวดหลงเหลืออยู่เลยหลังจากการทำกายภาพบำบัดเพียงครั้งเดียว 

แต่ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีอาการอ่อนแรงของร่างกายซีกหนึ่ง อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อฟื้นฟูให้ร่างกายกลับมาทำงานได้ปกติ

4. ระยะเวลาในการรักษาไม่เท่ากัน 

กายภาพบำบัดเป็นศาสตร์ที่อาศัยการรักษาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลักสัปดาห์ไปจนถึงเป็นปี ทั้งนี้การรักษาในแต่ละครั้งอาจไม่เหมือนกันเลยสักครั้งก็ได้ เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่ามาพบนักกายภาพบำบัดสัปดาห์ละ 2 ครั้งเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ซึ่งอาจได้รับการรักษาที่ไม่ซ้ำกันเลยสักครั้งเดียว 

นอกจากนี้ ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาแต่ละครั้งก็อาจจะไม่เท่ากันด้วย ขึ้นอยู้กับลักษณะอาการ และความร้ายแรงของโรค

เทคนิคที่นักกายภาพบำบัดเลือกใช้ในผู้ป่วยอาการเดียวกัน อาจแตกต่างกันได้ แล้วแต่ผลการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และวัตถุประสงค์ของนักกายภาพบำบัด เช่น 

ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดข้อมือเหมือนกัน รายแรกอาจจะได้รับการรักษาด้วยการทำอุลตราซาวน์เพื่อลดปวด ในขณะที่อีกรายอาจจะได้รับการขยับข้อต่อบริเวณข้อมือ ร่วมกับการยืดเส้นประสาทที่ลอดผ่านข้อมือเพื่อลดอาการปวดก็เป็นไปได้

ดังนั้นการรักษาด้วยกายภาพบำบัดจึงเป็นศาสตร์ที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าศาสตร์การรักษาประเภทอื่น นอกจากจะฟื้นฟู บำบัด อาการเจ็บป่วยแล้ว การรักษาด้วยกายภาพบำบัดอย่างถูกต้อง และเหมาะสมยังช่วยลดโอกาสเข้ารับการผ่าตัดในบางโรคได้อีกด้วย

ดูแพ็กเกจการทำกายภาพบำบัด การนวดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


31 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
กายภาพบำบัดขาอ่อนแรง และปวดหลัง, (https://hdmall.co.th/c/lower-back-and-leg-pain).
กายภาพ บำ บัด เอ็น ไหล่ อักเสบ, (https://hdmall.co.th/c/shoulder-tendonitis-physical-therapy).
กายภาพบำบัดกระดูก และกล้ามเนื้อ ทำอะไรบ้าง?, (https://hdmall.co.th/c/orthopedic-physical-therapy).

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
ชีพจรขณะพักคืออะไร
ชีพจรขณะพักคืออะไร

ทำความรู้จักค่าชีพจรที่เหมาะสมในแต่ละวัย และวิธีการวัดชีพจรแบบง่ายๆ ด้วยตัวเอง

อ่านเพิ่ม
สาเหตุของอาการปวดหลังส่วนล่าง
สาเหตุของอาการปวดหลังส่วนล่าง

หากปวดหลังอย่านิ่งนอนใจ รีบหาสาเหตุเพื่อแก้ไขก่อนอาการจะลุกลาม

อ่านเพิ่ม
ไขข้อข้องใจ เรื่อง "ระบบเผาผลาญพัง"
ไขข้อข้องใจ เรื่อง "ระบบเผาผลาญพัง"

มีจริงๆ หรือที่ “ระบบเผาผลาญพัง” เป็นไปได้อย่างไร มีสัญญาณอะไรบอก แล้วจะป้องกันได้หรือเปล่า หาคำตอบจาก HonestDocs

อ่านเพิ่ม