กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
นพ. ชาญสิริ เสกสรรค์วิริยะ
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
นพ. ชาญสิริ เสกสรรค์วิริยะ

เสียงในหู (Tinnitus)

ได้ยินเสียงในหูแปลกๆ อันตรายหรือไม่ สาเหตุเกิดจากอะไร รักษาอย่างไร HonestDocs มีคำตอบ
เผยแพร่ครั้งแรก 23 มี.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 2021 ตรวจสอบความถูกต้อง 16 ธ.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
เสียงในหู (Tinnitus)

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • เสียงหึ่ง เสียงก้องในหุ เสียงหวีด หรือเสียงอื่น ๆ ในหูที่ดังขึ้นเอง ไม่ใช่สัญญาณสุขภาพที่ร้ายแรง แต่ถ้าไม่รีบตรวจอาจสร้างปัญหาอื่นที่ร้านแรงได้ เช่น ภาวะนอนไม่หลับ ภาวะซึมเศร้า
  • สาเหตุหลักของเสียงในหู มักจะเกี่ยวกับ การสะสมของขี้หู โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน การได้ยินเสียงดังติดต่อกันเวลานาน และอื่น ๆ
  • วิธีการรักษาเสียงในหูยังไม่มีวิธีที่แน่ชัด เพราะอาการที่เกิดขึ้น อาจต้องแก้ที่สาเหตุหลัก จึงทำให้เสียงในหูหายไป
  • วิธีดูแลรักษาหู ทำได้ง่าย ๆ เช่น อย่าฟังเสียงดังนานเกินไป แคะหูแรงและลึก รวมถึงในการหูฟังเป็นเวลานาน
  • มีเสียงในหูบ่อย ๆ ไม่กลัวปล่อยไว้นาน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ดูแพ็กเกจตรวจหู คอ จมูก ที่นี่

เกี่ยวกับภาวะเสียงในหู

ภาวะเสียงในหูหรือหูอื้อ (Tinnitus) คืออาการที่หูคนเราได้ยินเสียง โดยไม่มีแหล่งกำเนิดเสียงจากภายนอก โดยเสียงที่ได้ยินมีอยู่หลายแบบ ได้แก่

  • เสียงหึ่ง
  • เสียงฮัม
  • เสียงสะท้อน เสียงก้องในหู
  • เสียงดังคลิก
  • เสียงหวีด
  • เสียงคล้ายจิ้งหรีดร้อง
  • เสียงลม
  • เสียงตุ๊บๆ ตามจังหวะชีพจร

ซึ่งเสียงดังในหูของแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน ในแง่ของระดับเสียง มีตั้งแต่เสียงต่ำไปจนถึงเสียงสูง อาจเกิดขึ้นกับหูข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ และมักจะได้ยินชัดเจนขึ้นในสถานที่เงียบ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจ รักษา หู คอ จมูก วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 854 บาท ลดสูงสุด 54%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ภาวะเสียงในหูมีความร้ายแรงหรือไม่?

ภาวะเสียงดังในหูมักจะไม่ใช่สัญญาณของภาวะสุขภาพที่ร้ายแรง บางคนอาจมีอาการเป็นๆ หายๆ และสร้างความรำคาญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตามอาการนี้อาจเกิดขึ้นเรื้อรังจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยกรณีที่เป็นรุนแรงอาจส่งผลต่อระดับสมาธิและสร้างปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น ภาวะนอนไม่หลับ (insomnia) และภาวะซึมเศร้า (depression) เป็นต้น

ในบางกรณี อาการเสียงดังในหูอาจหายได้เอง แต่ก็ควรเข้าปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านหูคอจมูก เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการและทำการรักษาจะดีที่สุด

สาเหตุของอาการได้ยินเสียงในหู

ภาวะเสียงดังในหูสามารถเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือเกิดขึ้นอย่างกะทันหันก็ได้ ยังไม่มีข้อมูลอธิบายว่าเหตุใดจึงเกิดอาการนี้ขึ้น แต่ก็มักจะเกิดขึ้นร่วมกับภาวะสูญเสียการได้ยิน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจ รักษา หู คอ จมูก วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 854 บาท ลดสูงสุด 54%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

บ่อยครั้งที่อาการหูอื้อเกี่ยวข้องกับ

  • ภาวะสูญเสียการได้ยินจากอายุ
  • ความเสียหายที่หูชั้นในจากการได้ยินเสียงดังติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เช่น ทำงานในโรงงานที่มีเครื่องจักร
  • การสะสมกันของขี้หู
  • ภาวะติดเชื้อในหูชั้นกลาง
  • โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Ménière's disease)
  • โรคหินปูนเกาะกระดูกหู (Otosclerosis)
  • การบาดเจ็บที่ศีรษะ
  • การได้ยินเสียงดังกะทันหัน หรือได้ยินเสียงที่ดังมากๆ เช่น เสียงยิงปืนหรือเสียงระเบิด
  • โรคโลหิตจาง (Anaemia) ภาวะที่เซลล์เม็ดเลือดแดงน้อยลง จนทำให้เลือดไหลเวียนเร็วขึ้นจนเกิดเสียง
  • การใช้ยาบางประเภท ที่เป็นพิษต่อระบบประสาทการได้ยิน เช่น การใช้ยาสำหรับเคมีบำบัด (chemotherapy), ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics), ยาขับปัสสาวะ (Diuretics), ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal anti-inflammatory drugsNSAIDs), และแอสไพริน (Aspirin)
  • โรคเนื้องอกบนเส้นประสาทหู (Acoustic neuroma)
  • ภาวะความดันโลหิตสูงและการตีบของเส้นเลือดแดง (Atherosclerosis)
  • ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมาก (Hyperthyroidism) หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยไป (Hypothyroidism)
  • โรคเบาหวาน (Diabetes)
  • โรคพาเก็ท (Paget's disease) ซึ่งภาวะที่ทำให้กระบวนการซ่อมแซมและการฟื้นฟูกระดูกถูกขัดขวาง

ยังไม่ชัดเจนว่าอะไรทำให้เกิดภาวะเสียงดังในหูขึ้น แต่ก็มีสมมติฐานว่า เมื่อมีการสูญเสียการได้ยินในความถี่ที่แตกต่างกัน สมองจึงตีความผิดปกติและเกิดการสังเคราะห์เสียงในความถี่นั้นๆ ทดแทน

ควรไปพบแพทย์เมื่อไร?

คุณควรไปพบแพทย์ หากมีอาการได้ยินเสียงในหู บ่อยครั้งหรือต่อเนื่องระยะยาว แพทย์จะทำการตรวจหูของคุณโดยละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจ รักษา หู คอ จมูก วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 854 บาท ลดสูงสุด 54%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

การวินิจฉัยอาการได้ยินเสียงในหู

1. แพทย์จะซักประวิติเพิ่มเติมอย่างละเอียด เช่น

  • เสียงที่ได้ยินเป็นแบบมาๆ หายๆ หรือเกิดขึ้นตลอดเวลา?
  • เสียงนั้นๆ ดังในหูข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง?
  • ปัญหานี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณหรือไม่?
  • คุณสังเกตว่ามีอาการอื่น ๆ หรือไม่ เช่น เวียนศีรษะบ้านหมุน หรือสูญเสียการได้ยิน?

แพทย์อาจต้องการทราบว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่ด้วย เนื่องจากการใช้ยาบางประเภท (เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือแอสไพรินปริมาณสูง) อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเป็นอาการหูอื้อได้เช่นกัน

2. แพทย์จะตรวจภายในและภายนอกช่องหู เพื่อช่วยในการวินิจฉัย

3. แพทย์อาจส่งตรวจอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อช่วยประเมินเรื่องเสียงดังในหู เช่น

  • ตรวจการได้ยินโดยเครื่องไฟฟ้า (Audiometry) เพื่อดูการบกพร่องทางการได้ยิน 
  • ตรวจแยกเสียงและการได้ยินของปลายประสาทรับเสียงในหูชั้นใน โดยวัด SISI Score (Recruitment Test)
  • ตรวจแยกเสียงและการได้ยินส่วนประสาทรับเสียง และความล้าของสมอง (Tone Decay Test)
  • ตรวจวัดการได้ยินด้วยวิธีพิเศษ เพื่อแยกตำแหน่งรอยโรค (Bekesy Audiomety)
  • ตรวจวัดการได้ยินในระดับก้านสมอง (Auditory Brainstem Response)

การรักษาอาการได้ยินเสียงในหู

ยังไม่มีวิธีรักษาอาการเสียงดังในหูที่ได้ผลกับทุกคน แต่การศึกษาในปัจจุบันค้นพบวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพอยู่เรื่อยๆ

หากตรวจพบสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเสียงดังในหู การจัดการกับสาเหตุนั้นๆ อาจช่วยลดอาการหูอื้อลงได้ แต่หากไม่พบสาเหตุใดๆ การรักษาจะเน้นไปที่การช่วยเหลือให้รับมือกับอาการนี้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น

  • การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น เสียงดัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • เครื่องช่วยฟัง (Hearing aid) สำหรับผู้ที่มีเสียงดังในหูร่วมกับมีการสูญเสียการได้ยินค่อนข้างมาก ช่วยให้การได้ยินดีขึ้น และลดอาการเสียงดังในหู
  • การบำบัดด้วยเสียง (Sound therapy) เป็นการฟังเสียงธรรมชาติเพื่อดึงความสนใจของคุณจากเสียงในหู เช่น การเปิดหน้าต่างรับเสียง เปิดโทรทัศน์หรือวิทยุค้างไว้ ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตเครื่องเล่นเสียงชนิดพิเศษสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเสียงดังในหูโดยเฉพาะ
  • การให้คำปรึกษา เป็นการบำบัดที่ช่วยให้คุณทำความเข้าใจอาการหูอื้อมากขึ้น และสอนให้คุณรับมือกับอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนักบำบัดการได้ยิน นักโสตประสาทวิทยา หรือแพทย์
  • การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive behavioural therapy: CBT) เป็นการบำบัดที่ช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนวิธีการคิดเกี่ยวกับอาการของตนเอง ทำให้คุณยอมรับกับเสียงที่ดังในหูของตนเอง จนคุณจะเริ่มไม่สังเกตถึงเสียงดังกล่าว
  • Tinnitus retraining therapy (TRT) เป็นการบำบัดที่ช่วยคงสภาพการตอบสนองทางสมองของคุณกับอาการหูอื้อ เพื่อให้คุณเริ่มปรับเสียงที่มาจากภายในร่างกาย จนทำให้คุณสังเกตถึงอาการน้อยลง แต่การบำบัดรูปแบบนี้จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วเท่านั้น

การดูแลสุขภาพหู

การดูแลสุขภาพหูเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ ซึ่งทำได้ไม่ยาก ดังนี้

  • อย่าฟังเสียงดังเกินไป หรือนานเกินไป
  • ไม่ควรใส่หูฟังเวลานอนหลับ หรือในที่ที่เสียงดังมาก เนื่องจากต้องเร่งเสียงให้ดังขึ้นกว่าปกติ
  • อย่าปั่นหรือแคะหู

2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
David T., Carol B. and Gordon S.. Clinical Practice Guideline: Tinnitus. American Academy of Otolaryngology-Head and Neck Surgery, 2014.
Carol B.,Tinnitus and Hyperacusis. Cummings otolaryngology--head & neck surgery, Sixth edition: 2336-2344, 2015.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
มีเสียงในหู เกิดจากสาเหตุอะไร การรักษา และการป้องกัน
มีเสียงในหู เกิดจากสาเหตุอะไร การรักษา และการป้องกัน

มีเสียงดังในหูอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติภายในหู ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างทันท่วงที

อ่านเพิ่ม