ระบบการขับถ่ายเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดกับมนุษย์ทุกคน เพื่อขับของเสียและกากอาหารที่ผ่านการย่อยแล้วออกจากร่างกาย แต่ถ้าหากลูกของเรามีอาการท้องเสีย ย่อมทำให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็กรู้สึกเป็นกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพ เพราะฉะนั้นเราจะมาทำความรู้จักกับอาการท้องเสียและการดูแลเด็กที่มีอาการท้องเสียอย่างถูกวิธีกัน
ถ่ายแบบใดจึงจะเรียกว่า “ท้องเสีย”?
โดยปกติเด็กแต่ละคนจะมีการขับถ่ายที่แตกต่างกันออกไป บางคนขับถ่ายวันละ 1 – 2 ครั้ง หรือเด็กอีกคนก็อาจจะขับถ่าย 2 – 3 วันต่อครั้ง แต่ถ้าเด็กขับถ่ายมีลักษณะที่ผิดปกติไปจากเดิม ซึ่งอาจจะถ่ายเหลว ถ่ายเป็นน้ำ หรือมีมูกเลือดปน ให้สันนิษฐานได้เลยว่าลูกกำลังมีอาการท้องเสียอย่างแน่นอน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สาเหตุของอาการท้องเสียในเด็ก
- การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ปนเปื้อนมากับน้ำและอาหารไม่สะอาด รวมถึงเชื้อโรคอื่นๆ หรือสิ่งสกปรกที่ติดมากับมือของเด็กจากการหยิบจับสิ่งของหรืออาหารเข้าไปในปาก และอาจเกิดจากภาชนะที่ใส่น้ำหรืออาหารได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมักจะเป็นเชื้อประเภทอหิวาต์ บิด เชื้อรา ไทฟอยด์ หรือโรต้าไวรัส เป็นต้น
- การใช้ยาปฏิชีวนะ เป็นอาการข้างเคียงที่เกิดจากการรับประทานยาปฏิชีวนะบางชนิด โดยทำให้มีอาการท้องเสียหลังจากที่รับประทานยาไปแล้วประมาณ 3 – 5 วัน เพราะตัวยาปฏิชีวนะบางชนิดมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้หลายชนิด จึงทำให้แบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในลำไส้เกิดการเสียสมดุล แล้วก่อให้เกิดอาการท้องเสียในที่สุด
- ลำไส้ทำงานผิดปกติ เกิดจากระบบการย่อยและดูดซึมของลำไส้มีการทำงานผิดปกติ
- สาเหตุอื่นๆ เช่น ภาวะอารมณ์จากความเครียดหรือตื่นเต้น และเกิดจากการแพ้โปรตีนในนมโค เป็นต้น
การดูแลเด็กที่มีอาการท้องเสีย
ถึงแม้ว่าเด็กจะยังคงมีอาการปกติและวิ่งเล่นได้เหมือนเดิม แต่ในขณะที่ลูกมีอาการท้องเสียพร้อมๆ กัน เราสามารถดูแลเบื้องต้นได้ด้วยการชงเกลือแร่หรือผงโออาร์เอสกับน้ำดื่มต้มสุกสะอาด โดยให้เด็กดื่มตามปริมาณจากคำแนะนำที่กำหนดบนฉลาก เพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำ โซเดียม และโพแทสเซียมออกจากร่างกาย
ระหว่างที่เด็กยังคงมีอาการท้องเสีย ให้งดดื่มนมสดและน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล เนื่องจากจะทำให้มีอาการท้องเสียมากขึ้น แต่ควรดื่มนมประเภทที่ไม่มีแล็กโทสหรือนมถั่วเหลืองทดแทน และต้องงดอาหารที่มีไขมันสูง อาหารย่อยยาก หรืออาหารที่มีกากใยสูงชั่วคราว โดยให้เด็กรับประทานอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่าย รับประทานครั้งละน้อยๆ แต่เพิ่มจำนวนครั้งบ่อยๆ จะช่วยให้ลำไส้ปรับตัวในการดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
สิ่งที่สำคัญในการดูแลเด็กที่มีอาการท้องเสียคือ ไม่ควรซื้อยาหยุดถ่ายให้เด็กรับประทาน เพราะไม่สามารถช่วยบรรเทาภาวะขาดน้ำจากการขับถ่ายได้ อีกทั้งยังทำให้เชื้อคงอยู่เหมือนเดิมอีกด้วย แม้ว่าอาการท้องเสียจะทุเลาลงไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายต่อเด็กอย่างยิ่ง และถ้าเด็กมีอาการท้องเสียมาก มีไข้ขึ้นสูง อาเจียน ซึมและอ่อนเพลีย ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
วิธีป้องกันไม่ให้เด็กมีอาการท้องเสีย
วิธีป้องกันอาการท้องเสียจะต้องใช้วิธีปฏิบัติหลายวิธีร่วมกันจึงจะได้ผล โดยเริ่มตั้งแต่การสอนเด็กให้ล้างมือทุกครั้งก่อนหยิบอาหารรับประทาน ดูแลความสะอาดจากการที่เด็กหยิบจับเข้าปาก ส่วนผู้ใหญ่อย่างเราควรหมั่นตรวจภาชนะที่ใส่อาหารและเครื่องดื่ม ว่าล้างสะอาดแล้วจัดเก็บในตู้ที่มีฝาปิดมิดชิดดีหรือไม่ พร้อมกับจัดเตรียมอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่ๆ หรือจัดเก็บสำรับไว้ในตู้กับข้าวที่มีฝาชีปิดครอบมิดชิด
นอกจากนี้ควรเพิ่มความระมัดระวังเวลาที่เด็กเล่นกับสัตว์เลี้ยง เพราะอาจทำให้มีอาการท้องเสียได้ เนื่องจากตัวสัตว์เลี้ยงมักจะมีสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคที่ติดมาจากการวิ่งเล่นและคุ้ยเศษอาหาร และควรปิดฝาถังขยะให้สนิท เพื่อป้องกันการคุ้ยอาหารจากสัตว์เลี้ยงนั่นเอง