การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย คือการลดความเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infection (STI)) อันที่จริงแล้วการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย 100% (คือการร่วมเพศที่ไม่มีการแลกเปลี่ยนของเหลวจากร่างกาย และไม่มีการสัมผัสชั้นเยื่อเมือกของกันและกันเลย) เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง แม้จะมีการป้องกันก็ตาม แต่การป้องกันที่ดีก็ช่วยลดความเสี่ยงลงได้มาก หากเลือกใช้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์
กิจกรรมทางเพศที่แตกต่างกัน สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อเหมือนกันหรือไม่?
กิจกรรมทางเพศที่ต่างกัน ก็ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ STI ต่างกัน ดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- การจูบ
- เชื้อเริมที่ปาก (Oral Herpes (HSV-1))
- การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
- คลามายเดีย (Chlamydia)
- หนองใน (Gonorrhea)
- HPV
- เริม (Herpes (HSV-1 และ HSV-2)
- ซิฟิลิส (Syphilis)
- HIV
- ทริโคโมแนส (Trichomoniasis)
- การใช้นิ้วและกำปั้น (ทวารหนักและช่องคลอด)
- อาจทำให้เกิดแผลฉีกขึ้นที่ทวารหนักหรืออวัยวะเพศ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการส่งต่อโรค STI ที่มาจากเลือดได้ เช่น
- HIV
- ไวรัสตับอักเสบ B หรือ C
- หากนิ้วของคุณสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศของคนอื่น และนำนิ้วนั้นไปสัมผัสกับอวัยวะเพศของตนเองก็อาจทำให้ได้รับเชื้อ STI ได้เช่นกัน
- อาจทำให้เกิดแผลฉีกขึ้นที่ทวารหนักหรืออวัยวะเพศ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการส่งต่อโรค STI ที่มาจากเลือดได้ เช่น
- เพศสัมพันธ์แบบสอดใส่องคชาตในช่องคลอด
- HIV
- หนองใน
- เริม
- HPV
- ซิฟิลิส
- แผลริมอ่อน (Chancroid)
- ไวรัสตับอักเสบ B และ C
- ทริโคโมแนส
- หูดอวัยวะเพศ
- เพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
- HIV
- หนองใน
- เริม
- HPV
- ซิฟิลิส
- แผลริมอ่อน
- ไวรัสตับอักเสบ B และ C
- หูดอวัยวะเพศ
- และโรคที่ติดต่อทางจุลินทรีย์ที่อยู่ในอุจจาระ
- ไกอาเดีย (Giardia)
- โรคบิด (Shigella)
- โรคซัลโมเนลลา (Salmonella)
- Campylobacter
- E. coli
- เพศสัมพันธ์แบบปากช่องคลอดกับปากช่องคลอด (Scissoring)
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การฉีดวัคซีนป้องกัน HPV : HPV เป็นโรค STI ที่พบได้มากและส่งผลระยะยาวมากมาย เช่นทำให้เกิดหูดบนอวัยวะเพศ ทำให้เกิดมะเร็งองคชาติ มะเร็งมดลูก หรือมะเร็งลำคอได้ สามารถป้องกันได้จากการฉีดวัคซีนก่อนการสัมผัสกับเชื้อไวรัส
- การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ B : ไวรัสตับอักเสบ B เป็นโรคไวรัสที่แพร่กระจายทางเลือด การสัมผัสชั้นเยื่อเมือก และของเหลวจากการร่วมเพศ สามารถฉีดป้องกันได้ตั้งแต่วัยทารก ซึ่งวัคซีนจะมีฤทธิ์ป้องกันอย่างน้อย 30 ปี และยังมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อตับอักเสบ B สูงอีกด้วย
- การใช้ถุงยางอนามัย : การใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายเป็นวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ดีที่สุด หากเป็นคนที่นิยมร่วมเพศโดยการใช้องคชาตกับช่องทางต่างๆ เช่น ปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก หากมีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ ก็สามารถสวมใส่ถุงยางลงบนของเล่นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังคู่นอนได้ด้วย
- การใช้แผ่นยางครอบฟันกับถุงมือ :การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก กับปากช่องคลอด (Cunnilingus) หรือทวารหนัก (Anilingus) จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลายชนิด จึงควรใช้แผ่นยาง (Dam) หรือถุงยางอนามัยที่ตัดตามแนวนาวคลุมส่วนปากช่องคลอดและทวารหนักเอาไว้ ส่วน
สามารถหยุดใช้ถุงยางอนามัยหลังการมีเพศสัมพันธ์สักระยะได้หรือไม่
หากต้องการเลิกใช้ถุงยางอนามัยหรือวิธีป้องกันอื่น ๆ ก็ควรมีการตรวจหาการติดเชื้อ STI ในร่างกายของทั้งสองฝ่ายก่อน หรือถ้าหากมีคู่นอนเพียงคนเดียว ก็สามารถหยุดใช้ถุงยางอนามัยและเปลี่ยนไปคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆ ได้ หากยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร
ที่มาของข้อมูล
Jen Bell, Nicole Telfer, Safer sex 101 (https://helloclue.com/articles/sex/safer-sex-101), 4 กรกฎาคม 2018