ตอนเราเป็นเด็ก เราเจอลูกหมา น่ารัก น่ารัก ก็อยากเอามาเลี้ยง พอโตขึ้นอีกหน่อย ก็เจอตุ๊กตา น่ารัก น่ารัก เอามากอดเล่น พอโตถึงวัยประถม ก็เล่นตุ๊กตากระดาษแต่งตัวให้สวยๆ สมัยใหม่ก็จะมีตุ๊กตาบาร์บี้ และ ชุดให้แต่งตัวเยอะแยะ ต้องจ่ายเงินเยอะหน่อยถึงจะได้บาร์บี้มาเล่น แต่มันก็แค่ตุ๊กตา ไม่มีชีวิตหัวเราะก็ไม่ได้ เลี้ยงลูกหมาก็ไม่สนุก คุยกันคนละภาษา อันนี้มีข้อยกเว้นสำหรับบุคคลผู้มีความสามารถพิเศษบางคน ที่คุยกันกับหมาได้ รู้ไหมคะว่าทำไมเด็กผู้หญิงถึงชอบเล่นแต่งตัวตุ๊กตา ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตากระดาษ หรือตุ๊กตาเป็นตัวตนมีเสื้อผ้าจริงเหมือนกับบาร์บี้ ก็เพราะว่าผู้หญิงมีสัญชาติญาณของความเป็นแม่ มีการเอาใจใส่ดูแลผู้ที่อ่อนแอและต้องการการดูแล แกล้งสมมติตุ๊กตาว่าเป็นลูก อุ้มป้อนนม อาบน้ำ ป้อนข้าว ดิฉันเคยชวนลูกชาย มาเล่นแต่งตัวตุ๊กตากับลูกสาว แม้พยายามให้เขาเล่นเป็นผู้ชายแล้วก็ตาม ไม่เคยสำเร็จเลยค่ะ เพราะผู้ชายจะไม่มีสัญชาติญาณประเภทนี้ ซึ่งผู้หญิงเราจะมีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด
แต่พอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ประกอบกับสภาพสังคมที่ต้องแข่งขันกันมากขึ้น ความต้องการของผู้หญิงก็เริ่มถูกบิดเบือนไปตามกระแสโลก ผู้หญิงอยากเป็นคุณหมอ สถาปนิก วิศวกร กัปตันขับเครื่องบิน ขับยานอวกาศไปนอกโลก แม้แต่อยากเป็นผู้นำประเทศที่เห็นในหลายๆ ประเทศ จนเกิดปัญหาบ่อยๆ ว่าผู้หญิงเก่งๆ ในสังคม มักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จในเรื่องครอบครัว ไม่เกิดการหย่าร้างสูงก็หาสามีไม่ได้ (ไม่แน่ใจว่า ไม่เอาใคร หรือ ไม่มีใครเอา เป็นภรรยา)
ตรวจภาวะมีบุตรยากวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 392 บาท ลดสูงสุด 63%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ที่ดิฉันกล่าวมาทั้งหมดนั้นมิได้บังอาจ ดูไม่ผิด หรือ แอนตี้ ผู้หญิงเก่งๆ เหล่านั้นหรอกนะคะ เพียงแต่อยากจะชี้ว่า ธรรมชาติของผู้หญิงนั้นมีความอ่อนหวาน นุ่มนวล มีความเป็นเพศแม่ ที่ติดตัวมาอยู่แล้ว ไหนๆ เกิดมาทั้งที จะทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ให้มวลมนุษย์อย่างอื่นก็แล้วแต่ แต่ทำหน้าที่แม่ที่ธรรมชาติประทานมาให้คุณด้วยเถอะค่ะ ไม่ต้องรู้สึกเสียดง เสียดายกับหน้าที่การงานที่คุณมีอยู่ หรือเคยมี หรือกำลังจะมี แต่คุณกำลังทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อมวลมนุษย์ คือ ให้กำเนิดลูก และเลี้ยงดูเขาให้เป็นมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน หรือ สอง หรือ สาม หรือ กี่คนก็แล้วแต่ที่คุณมีความสามารถที่จะเลี้ยงดูเขา
สิ่งนี้เหละที่ดิฉันอยากให้ผู้หญิงทุกคนตระหนักถึงหน้าที่ที่ธรรมชาติ หรือบางศาสนาอาจพูดว่า พระเจ้า กำหนดหน้าที่มาให้คุณแล้ว และคุณมีคุณสมบัติครบถ้วนในตัวเอง โดยไม่ต้องไปสอบเพื่อได้ปริญญาก่อนจึงจะทำได้ หรือได้ทำ และคุณแม่ๆ ทั้งหลายที่มีลูกแล้วนั้น ดิฉันแน่ใจที่สุดว่าทุกคนมีความคิดเหมือนกันว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ในโลกนี้ที่เราเคยพบมาว่าแสนจะน่ารัก นั้น มิอาจเทียบเทียม เจ้าตัวน้อยๆ ที่ออกมาดูโลกจากฝีมือ (บางคนอาจไม่ได้ใช้มือในการผลิตเลยก็ได้) ของคุณและที่รักของคุณ (แหม ต้องให้เครดิตเขาหน่อยนะ ถ้ามีแต่เราก็คงมีลูกไม่ได้แน่นอน) ไม่รู้ล่ะ ลูกใครจะน่ารักอย่างไรก็ตาม
พอกลับมาดูลูกเราทีไร ช่างแสนจะน่ารักเสียเหลือเกิน ถึงแม้ลูกจะผิวคล้ำเหมือนแม่ ลูกจะปากคว่ำเหมือนแม่ หูกางเหมือนพ่อ แต่ยังไงยังไง ลูกเราก็น่ารักที่สุดในโลกอยู่ดีค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนอนหลับตาพริ้ม หลังจากอาละวาดมาหลายชั่วโมงนี่แหละ ช่างน่ารักจริงๆ หลับตาพริ้ม แก้มป่องๆ แขนขากลมๆ แก้มย้อยๆ นี่แหละ แนะ ดูซิ หลับอยู่ยังยิ้มได้เลย ยังกะรู้แน่ะ ว่าเค้าพูดถึงตัวอยู่นะ ว่าแล้วก็อดปลื้มในใจไม่ได้ ว่าเกิดมาเป็นผู้หญิงทั้งที ไม่เสียดายที่เกิดมาได้มีโอกาสได้เป็นแม่แล้ว เย้ เย้ ยินดีด้วยค่ะ คุณแม่ทุกคน