สรุปความเสี่ยงจากการทำ IVF
ในทางทฤษฎี การทำ IVF (In Vitro Fertilization) มีความเสี่ยงมากมาย ได้แก่
- ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นเกินขนาด (OHSS)
- ปัญหาจากการตั้งครรภ์แฝด
- ความผิดปกติแรกคลอดของทารก
ความเสี่ยงจากการทำ IVF
ความเสี่ยง | % ในกลุ่มคนทั่วไป | % ในกลุ่มคนที่ทำIVF | สาเหตุที่เกิดจากการทำ IVF | การป้องกันที่อาจทำได้ |
---|---|---|---|---|
ภาวะ OHSS |
0% |
1 - 10% |
การใช้โกนาโดโทรปินและ hCG |
ใช้ปริมาณปานกลางหรือใช้ Lupron แทน |
ปัญหาจากการตั้งครรภ์แฝด |
1% |
1 - 30% |
นำเอ็มบริโอจำนวนมากเข้าสู่มดลูก โดยเฉพาะในผู้หญิงอายุน้อย |
นำเอ็มบริโอเดี่ยวเข้าสู่มดลูก |
ความผิดปกติแรกคลอด |
0 - 3% |
3 - 5% |
เพิ่มขึ้นประมาณ 1.6 เท่า โดยเฉพาะในทารกเพศชาย |
ลดการทำ ICSI และใช้เอ็มบริโอเดี่ยวแทน |
0 - 10% |
0 - 10% |
ไม่แน่ชัดว่าเกิดจาก IVF หรือภาวะมีบุตรยาก และความเสี่ยงอาจยิ่งสูงขึ้นในผู้หญิงอายุน้อย |
ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง |
|
0 - 1% |
0 - 1% |
ไม่แน่ชัดว่าเกิดจาก IVF หรือภาวะมีบุตรยาก และความเสี่ยงอาจยิ่งสูงขึ้นในผู้หญิงอายุน้อย |
ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง |
ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นเกินขนาด (Ovarian Hyperstimulation Syndrome (OHSS))
ผู้ป่วยที่ทำ IVF ส่วนใหญ่จะได้รับโกนาโดโทรปินเพื่อกระตุ้นรังไข่ให้สร้างฟอลลิเคิลจำนวนมากกว่าปกติ (ซึ่งมีไข่อยู่ภายใน) และได้รับยากระตุ้นเพื่อให้แพทย์สามารถเก็บไข่ที่เจริญแล้วออกมาจากฟอลลิเคิลได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ฮอร์โมนที่ใช้กระตุ้นรังไข่
ฮอร์โมน | หน้าที่ |
---|---|
FSH |
กระตุ้นการโตของฟอลลิเคิลจำนวนมาก ซึ่งแต่ละฟอลลิเคิลจะมีไข่อยู่ภายใน |
hCG หรือ Lupron |
กระตุ้นให้ไข่ในฟอลลิเคิลเจริญและพร้อมต่อการเก็บ |
ผู้หญิงที่รังไข่ถูกกระตุ้นด้วยโกนาโดโทรปินมากเกินขนาด อาจจะเกิดภาวะ OHSS ได้ ซึ่งอาการของภาวะดังกล่าว ได้แก่
- ปวดท้อง
- คลื่นไส้อาเจียน
- วิงเวียน
- การทำงานของอวัยวะล้มเหลว
ภาวะ OHSS พบได้ 1 - 10% ของผู้ป่วยที่ทำ IVF ในกลุ่มประชากรบางกลุ่ม เช่น ผู้หญิงที่อายุน้อย ผู้หญิงที่มีภาวะถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS) หรือผู้ที่มีระดับ Anti-Mullerian hormone (AMH) สูง จะยิ่งมีความเสี่ยงที่สูงขึ้น
สัญญาณเตือนของภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นเกินขนาด
ประเภท | ตัวชี้วัด |
---|---|
จำนวนและขนาดฟอลลิเคิล |
จำนวน 15 - 20 ฟอลลิเคิลขึ้นไป โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 14 มล. |
ระดับเอสโตรเจน |
ปริมาณ 2,500 - 3,500 pg/mL ขึ้นไป |
การป้องกันภาวะ OHSS สามารถทำได้ด้วยการหยุดกระตุ้นรังไข่ เมื่อพบว่าผู้เข้ารับการทำ IVF ได้รับโกนาโดโทรปินมากเกินไป ซึ่งจะเห็นได้จากการโตขึ้นอย่างรวดเร็วของฟอลลิเคิลจำนวนมาก หรือระดับเอสโตรเจนที่สูงขึ้น หรือเปลี่ยนมาใช้ Lupron เป็นยากระตุ้นแทน
ตรวจภาวะมีบุตรยากวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 392 บาท ลดสูงสุด 63%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์แฝด
เมื่อมีการนำเอ็มบริโอจำนวนมากเข้าสู่มดลูก โอกาสในการตั้งครรภ์แฝดจะเพิ่มขึ้นจาก 1% เป็น 30% ตามข้อมูลด้านล่างนี้
ทารกแฝดมีโอกาสคลอดก่อนกำหนดสูง และอาจมีพัฒนาการในครรภ์ต่ำ จนสมองไม่ถูกพัฒนาเต็มที่ ผลจากการคลอดก่อนกำหนดจึงทำให้ทารกมีความสามารถในการรู้คิดลดลง ดังจะเห็นจากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร The American Medical Association
ความเสี่ยงดังกล่าวสามารถป้องกันได้โดยการนำเอ็มบริโอเดี่ยวเข้าสู่มดลูก แม้โอกาสที่การนำเอ็มบริโอเข้าสู่มดลูกครั้งแรกจะล้มเหลว (และต้องนำเข้าสู่มดลูกใหม่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายราว 100,000 บาทต่อครั้ง) แต่ก็ไม่ได้ทำให้โอกาสสำเร็จในการทำ IVF และการคลอดทารกลดลง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ความเสี่ยงต่อความผิดปกติแต่แรกเกิดของทารก
โดยทั่วไปแล้ว ทารกที่คลอดในกลุ่มคนทั่วไปจะมีอัตราความผิดปกติแต่แรกเกิด 1 - 3% แต่หากพ่อแม่มีปัญหาในการตั้งครรภ์ อัตราจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3 - 5% ด้านล่างนี้เป็นข้อมูลที่รวบรวมจากทารกเกือบ 30,000 คนในประเทศฟินแลนด์
ความผิดปกติแต่แรกเกิดของทารก ในประเทศฟินแลนด์
ตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ | IUI | ตั้งครรภ์โดยวิธี |
---|---|---|
2.9% |
3.7% |
4.3% |
จากข้อมูลนี้พบว่า ในเด็กทารกที่เกิดจากการรักษาภาวะมีบุตรยาก (ไม่เพียงเฉพาะ IVF) จะมีโอกาสเกิดความผิดปกติแต่แรกเกิดสูงกว่าทารกที่เกิดจากการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ แต่อัตราความผิดปกติแต่แรกเกิดของทารกที่ตั้งครรภ์โดยวิธี IUI ก็ยังน้อยกว่าการทำ IVF
วิธีที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อความผิดปกติแต่แรกเกิดในทารกจากการทำ IVF ได้แก่
- นำเอ็มบริโอเดี่ยวเข้าสู่มดลูก : เนื่องจากการคลอดทารกแฝดอาจทำให้ทารกมีความผิดปกติด้านร่างกายและสติปัญญา
- ใช้เทคนิค ICSI ในการปฏิสนธิเมื่อจำเป็นเท่านั้น : จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine พบว่า อุบัติการณ์ของความผิดปกติแต่แรกเกิดจะลดลงเมื่อใช้เทคนิคผสมเทียมทั่วไป (CI) เพื่อปฏิสนธิ อย่างไรก็ตาม มีตัวแปรสำคัญคือผู้ที่จำเป็นต้องใช้เทคนิค ICSI ก็อาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่แตกต่างจากผู้ใช้เทคนิค CI อยู่แล้ว (เช่น มีความผิดปกติด้านการสืบพันธุ์อย่างรุนแรงในเพศชาย)
ความผิดปกติแต่แรกเกิดในทารก โดยแบ่งตามวิธีการปฏิสนธิ
ตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ | ใช้เทคนิค CI | ใช้เทคนิค ICSI |
---|---|---|
5.8% |
7.2% |
9.9% |
เป็นที่ยอมรับกันชัดเจนว่าการทำ IVF สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะ OHSS และการตั้งครรภ์แฝด แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเกิดกรณีเช่นนี้เสมอ ส่วนการเกิดความผิดปกติแรกคลอดของทารกที่เกิดจากการทำ IVF มีงานวิจัยพบว่าความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในทารกเพศชาย แต่ก็เพียงเล็กน้อย และยังพบว่ามีวิธีที่ได้ผล (แม้ไม่ 100%) ที่สามารถลดความเสี่ยงดังกล่าวได้
ที่มาของข้อมูล
Risks of IVF, (https://www.fertilityiq.com/ivf-in-vitro-fertilization/risks-of-ivf#summary)