หลังค่อม เป็นความผิดปกติของกระดูกสันหลังที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะพบร่วมกับกระดูกสันหลังคด (Scoliosis) หรือพบเพียงแค่การค่อมลงเท่านั้น สาเหตุที่ทำให้เกิดหลังค่อมนั้นมีทั้งที่สามารถป้องกันได้ และป้องกันไม่ได้ นอกจากกระทำให้บุคคลิกภาพเสียแล้วยังอาจจะส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย ทำให้เกิดความเจ็บปวด หรือเคลื่อนไหวร่างกายลำบากได้อีกด้วย การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ และลดปัจจัยเสี่ยงที่จะนำไปสู่หลังค่อมจึงเป็นประโยนช์อย่างมาก
หลังค่อมคืออะไร?
โดยปกติกระดูกสันหลังของมนุษย์ประกอบด้วยกระดูกสันหลังขนาดเล็กหลายชิ้นเรียงซ้อนกัน สามารถแบ่งได้เป็นสามส่วนคร่าวๆ คือ กระดูกสันหลังส่วนคอ กระดูกสันหลังส่วนส่วนอก และกระดูกสันหลังส่วนส่วนเอว
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เมื่อมองจากด้านหลังจะเห็นปุ่มกระดูกที่นูนที่สุด (Spinous process) เรียงกันเป็นแถวตรง ไล่ลงมาตั้งแต่ระดับคอถึงเอว เมื่อมองจากด้านข้างจะมีลักษณะเหมือนตัวเอส (S-shape) สังเกตเห็นรอยเว้า (Kyphosis) ที่ระดับคอและเอว และจะพบรอยโค้งที่กระดูกสันหลังส่วนอก (Kyphosis) เป็นปกติ
หลังค่อม (Hyperkyphosis) คือ ความผิดของกระดูกสังหลังส่วนอก(Thoracic Spine ) ที่งุ้มลงมาข้างหน้ามากกว่าปกติ ร่วมกับมีภาวะไหล่ทั้งสองข้างห่อเข้าหากัน นอกจากนี้มักจะพบว่ากระดูกสันหลังส่วนเอว (Lumbar Spine) มักจะแอ่นไปข้างหน้ามากกว่าปกติร่วมด้วย ซึ่งอาจจะพบว่าผู้ป่วยไม่มีอาการผิดปกติอะไรในระยะแรกเพียงแต่เสียบุคคลิคภาพเท่านั้น มีอาการปวดหลัง หายใจไม่สะดวกเพราะรูปร่างของซี่โครงผิดปกติ หรือมีปัญหาในการทำกิจวัตรประจำวันเช่น การเดิน หรือยืนทรงตัว เป็นต้น
สาเหตุของหลังค่อม
สาเหตุของหลังค่อมสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 สาเหตุใหญ่ๆ ดังนี้
- เกิดจากความผิดปกติของกระบวนการเจริญเติบโตของกระดูกสันหลัง (Congenital hyper kyphosis) พบว่าสาเหตุของอาการหลังค่อมชนิดนี้มีการสืบทอดทางพันธุกรรม ทำให้สามารถพบได้ตั้งแต่วัยเด็ก มักจะพบร่วมกับกระดุสันหลังคด หากมีความรุนแรงมากและมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยอาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อยับยั้งความพิการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- เกิดจากความเสื่อมตามอายุ (Degeneration induced hyper kyphosis) เมื่ออายุมากขึ้น ตัวกระดูกสันหลังจะมีมวลน้อยลง โดยเฉพาะในเพศหญิงวัยหมดประจำเดือนทำให้กระดูกพรุน ส่งผลให้กระดูกสันหลังค่อยๆ ยุบตัวลง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลังค่อมพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
- เกิดจากอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการยุบตัวของกระดูกสันหลัง เช่น การตกจากที่สูง อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่มีการกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้กระดูกสันหลังยุบตัวมาด้านหน้า ส่งผลให้เกิดหลังค่อม
- เกิดจากการทำกิจวัตรประจำวันด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานานๆ (Postural hyper kyphosis) ข้อนี้เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุด และสามารถแก้ไขได้ง่ายที่สุด เนื่องจากเกิดจากการทำกิจวัตรประจำวันที่ไม่เหมาะสม เช่น นั่งก้มหลังนานๆ นั่งไหลลงไปกับเก้าอี้ เป็นต้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณลำตัวจดจำท่าทางนั้นๆ แม้จะเลิกทำท่าทางนั้นๆ แล้ว แต่กล้ามเนื้อก็ยังหดเกร็งอยู่ในท่านั้น กล่าวคือกล้ามเนื้อด้านหน้าของข้อไหล่ และกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกจะหดสั้น ในขณะที่กล้ามเนื้อบริเวณลำตัวด้านหลังจะยืดยาวออก นำไปสู่อาการปวดกล้ามเนื้อเป็นๆ หายๆ และเรื้อรังในที่สุด
หลังค่อมส่งผลต่อร่างกายอย่างไร?
นอกจากการค่อมของหลังที่สามารถเห็นได้ชัดแล้ว หลังค่อมยังสามารถส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ต่อไปนี้ เช่น
- ปวดคอ บ่า หลัง เนื่องจากกล้ามเนื้อเสียสมดุลในการทำงานไป และอาจจะนำไปสู่กล้ามเนื้อักเสบเรื้อรังได้
- มีปัญหาด้านการทรงตัว โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีหลังค่อมมาก ทำให้จุดศูนย์กลางรับน้ำหนักของร่างกาย (Center of mass) เปลี่ยนไป ทรงผลให้ทรงตัวลำบาก หรือหกล้ม เป็นต้น
- มีปัญหาระบบหายใจ เช่น หายใจไม่สุด เหนื่อยง่าย เป็นต้น เนื่องจากหลังค่อมทำให้รูปร่างของช่องทรวงอกเปลี่ยนไป เนื้อปอดบางส่วนถูกกดทับ ทำให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่
สามารถประเมินอาการหลังค่อมเบื้องต้นได้อย่างไรบ้าง?
โดยทั่วไป เมื่อมีอาการหลังค่อมจะทำให้บุคคลใกล้ชิดสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ผู้ป่วยมักจะรู้ตัวจากคำบอกเล่าของบุคคลใกล้ชิดเป็นส่วนใหญ่ หากเดินทางมาพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด ผู้ป่วยมักจะถูกแนะนำให้ถ่ายภาพเอกซเรย์ (X-ray) แพทย์จะทำการวัดองศาของกระดูกสันหลัง และประเมินความรุนแรงของอาการผ่านฟิล์มเอกซเรย์
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นผู้ป่วยสามารถประเมินอาการด้วยตนเองง่ายๆ ที่บ้านได้ด้วยการยืนหันหลังชนกำแพง โดยส้นเท้า สะโพก ไหล่ทั้งสองข้าง และท้ายทอยจะต้องแนบไปกับกำแพง หากไม่สามารถทำได้จะถือว่ามีภาวะหลังค่อม ควรเดินทางไปพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
วิธีการรักษาและฟื้นฟูหลังค่อมทางกายภาพบำบัด
วิธีการรักษาผู้ที่มีอาการหลังค่อมในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
- การรักษาที่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาจากความรุนแรงของอาการ ผลกระทบต่อการดำรงชีวิต และสภาพร่างกายของผู้ป่วย
- การรักษาแบบประคับประคองอาการโดยไม่พึ่งพาการผ่าตัด การรักษาวิธีนี้เน้นไปที่การทำกายภาพบำบัดและการออกกำลังกายเป็นหลัก หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรงมากก็อาจจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ ในรายที่อาการมีความรุนแรงมาก การทำกายภาพบำบัดจะช่วยประคับประคองให้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และป้องกันการค่อมมากขึ้น
วิธีการรักษาทางกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหลังค่อม สามารถแบ่งออกตามวัตุประสงค์ได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
- จัดการกับความเจ็บปวด ผู้ป่วยที่มีอาการหลังค่อมมักจะมีอาการปวดหลัง ปวดคอ หรือเจ็บกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกและด้านหน้าของข้อไหล่ เนื่องจากการทำงานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อทั้งการยืดยาวหรือการหดสั้น จะทำไปสู่กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง วิธีการรักษาอาการปวดที่ยั่งยืนที่สุดสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้คือ การออกกำลังกายด้วยการยืดกล้ามเนื้อที่หดสั้น และออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อที่ยืดยาวออก อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการปวดมากจนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวัน หรือออกกำลังกายเพื่อการรักษาได้ นักกายภาพบำบัดก็จะใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดเข้ามาเพื่อลดอาการปวดเบื้องต้น เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ หรือสามารถออกกำลังกายได้ โดยเครื่องมือที่นำมาใช้ลดปวดในผุ้ป่วยกลุ่มนี้บ่อยๆ ได้แก่ อัลตราซาวนด์ การประคบร้อน และการใช้เลเซอร์กกำลังต่ำ (Low level laser therapy)
- การออกกำลังกายเพื่อคงองศาหรือลดการค่อมของหลัง ถึงแม้กระดูกจะทำหน้าที่เป็นโครงร่างที่มั่นคงให้แก่ร่างกาย แต่กล้ามเนื้อก็มีส่วนอย่างมากที่ช่วยทรงท่า และทำให้เกิดการเคลื่อนไหว เมื่อกล้ามเนื้อหดรั้งหรือยืดยาวออก ระบบโครงร่างก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย ในผู้ป่วยที่มีอาการหลังค่อม การออกกำลังกายด้วยการยืดหรือเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อบางส่วนให้กลับมาทำงานเป็นปกติจะสามารถช่วยป้องกันการค่อมที่มากขึ้น หรือช่วยให้หลังหายค่อมได้
- การเลือกอุปกรณ์ช่วยพยุงหลัง ในผู้ป่วยที่มีหลังค่อมมากและมีแนวโน้มจะค่อมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ นักกายภาพบำบัดอาจแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงหลัง เพื่อป้องกันการค่อมที่มากขึ้นและช่วยให้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้สะดวก
- การให้ความรู้เกี่ยวกับท่าทางที่ถูกต้องในการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า พฤติกรรมและท่าทางที่ผิดในชีวิตประจำวันมีผลอย่างมากต่อการเกิดหลังค่อม ดังนั้นนักกายภาพบำบัดจะแนะนำผู้ป่วยให้หลีกเลี่ยงท่าทางดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องสังเกต ซักประวัติ และให้คำแนะนำเป็นรายๆ ไป เช่น การปรับท่านั่ง การไม่สะพายกระเป๋าหนักๆ และการปรับท่าทางที่ใช้ในการยกของหนัก เป็นต้น นอกจากนี้หากผู้ป่วยหลังค่อมมีความเสี่ยงต่อกระดูกพรุน หรือจำเป็นต้องได้รับการเสริมแคลเซียมหรือฮอร์โมนบางอย่าง นักกายภาพบำบัดอาจจะต้องส่งผู้ป่วยไปปรึกษากับแพทย์หรือนักกำหนดอาหารต่อไป
ท่าออกกำลังกายที่สามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้านสำหรับผู้ที่เริ่มมีอาการหลังค่อม
สำหรับผู้ที่ประเมินอาการหลังค่อมด้วยตนเองด้วยการยืนหลังชิดกำแพงแล้วไม่สามารถทำได้ และไม่มีอาการร่วมอื่นๆ เช่นปวดหลัง ปวดคอ หรือเหนื่อยง่าย ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอาการไม่รุนแรงมาก อาจจะเริ่มออกกำลังกายง่ายๆ และปรับเปลี่ยนท่าทางที่ใช้ในชีวิตประจำวันตามคำแนะนำที่แนะนำไว้เบื้องต้นสัก 3 เดือน เพื่อดูว่าอาการหลังค่อมลดลงหรือไม่ หากอาการดีขึ้นอาจไม่จำเป็นต้องมาพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
ท่าออกกำลังกายแก้หลังค่อมที่สามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้านมีดังนี้
- การยืดกล้ามเนื้อหน้าอกและด้านหน้าของข้อไหล่ มี 2 ท่า ได้แก่
- เริ่มจากนั่งบนเก้าอี้ที่มั่นคง ฝ่าเท้าติดพื้น หลังยืดตรง ประสานมือทั้งสองข้างหลังท้ายทอย ก่อนจะค่อยๆ แบะไหล่ออกจนสุด พร้อมกับแอ่นอกไปข้างหน้า ค้างไว้ 30 วินาที ทำซ้ำ 5 เซ็ต วันละ 1-2 รอบ
- นอนคว่ำบนพื้น ฝ่ามือวางข้างลำตัวระดับอก ค่อยๆ ดันพื้น เหยียดข้อศอก ดันพื้นจนข้อศอกจนตึง ถ้ามีอาการปวดหรือรู้สึกตึงที่บริเวณหน้าอกหรือด้านหน้าของข้อไหล่มากจนไม่สามารถเหยียดศอกให้สุดได้ ให้ค้างไว้ในท่าที่สามารถทำได้ ค้างไว้ 30 วินาที ทำซ้ำ 5 เซ็ต วันละ 1-2 รอบ
- การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังระดับอก ทำได้โดยการนอนคว่ำ ใช้หมอนรองใต้ท้อง 1 ใบ ประสานมือทั้งสองข้างไว้หลังท้ายทอย ค่อยๆ ออกแรงแอ่นยกลำตัวให้พ้นพื้น ค้างไว้ 30 วินาที ทำซ้ำ 5 เซ็ต วันละ 1-2 รอบ
- การโหนบาร์ ใช้มือทั้งสองข้างจับบาร์ให้มั่น อาจจะเริ่มจากบาร์ที่ความสูงไม่มาก สามารถยืนเท้าเตะพื้นได้ แล้วเริ่มจากการงอเข่าเฉยๆ โดยที่เท้ายังเตะพื้น จากนั้นอาจจะเพิ่มความยากด้วยการงอเข่าให้เท้าพ้นพื้น การเพิ่มความยากระดับสุดท้ายคือ งอทั้งเข่าและสะโพกขณะโหนตัวบนบาร์ การโหนบาร์จะอาศัยน้ำหนักของร่างกายช่วยยืดกล้ามเนื้อที่หดรั้งให้คลายตัว สามารถลดอาการค่อมของหลังได้
ขณะออกกำลังกายตามคำแนะ ห้ามกลั้นหายใจโดยเด็ดขาด ให้พยามเกร็งกล้ามเนื้อนั้นๆ พร้อมกับหายใจอย่างปกติไปด้วย
อายุ14ค่า เป็นคนหลังค่อมมาก เเก้ยังไงดีค่ะ