คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าอายุที่เพิ่มขึ้น มลภาวะ แสงแดด ความเครียด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพก่อนวัย ไม่ยืดหยุ่นดังเดิม แต่ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ ปัญหาผิวแพ้ง่าย โดยผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายมักมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาผิว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องริ้วรอยก่อนวัยที่มีโอกาสเกิดได้ง่ายและเร็วกว่าคนทั่วไป
จะเห็นได้ว่าอายุที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ให้ผิวมีริ้วรอย ดูแก่ก่อนวัย คุณจึงควรเริ่มดูต้นดูแลตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งนี้การชะลอความเสื่อมของผิวสามารถทำได้ด้วยการยับยั้งการทำลายอีลาสตินและเสริมเซราไมด์ให้ผิวหนัง ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอย ให้ผิวกลับมาเต่งตึง แลดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
ทำความรู้จักผิวหนังในเบื้องต้น
ก่อนทำความรู้จักกับอีลาสตินและเซราไมด์ มาทำความรู้จักกับโครงสร้างผิวหนังกันก่อน ผิวหนังมนุษย์แบ่งได้ 3 ชั้น เรียงจากชั้นนอกไปชั้นในสุด ดังนี้
- หนังกำพร้า (Epidermis)
- หนังแท้ (Dermis)
- ผิวหนังชั้นไขมัน (Hypodermis หรือ Subcutis)
ผิวหนังแต่ละส่วนมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป โดยส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึงนั้น อยู่ในชั้นหนังแท้ ซึ่งมีองค์ประกอบหลักคือ อีลาสติน คอลลาเจน กรดไฮยาลูรอน และน้ำ
นอกจากนี้ในชั้นหนังกำพร้ายังมีเซราไมด์ ซึ่งเปรียบเสมือนเกราะป้องกันผิวหนังอีกด้วย
อีลาสตินและเซราไมด์ คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อผิวหนัง?
อีลาสติน (Elastin) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิวหนัง มีลักษณะเป็นสาย ทำหน้าที่ดึงให้ผิวหนังมีความเต่งตึง แข็งแรง เปรียบเสมือนสปริงในชั้นผิว ทำให้ผิวหนังเกิดความยืดหยุ่น
หากอีลาสตินถูกทำลาย จะส่งผลให้ผิวเกิดร่องลึกและริ้วรอยที่ไม่คืนตัว ผิวหนังหย่อนคล้อย โดยจะเห็นได้ชัดบริเวณหนังตา ข้างแก้ม ใต้คอ และคาง เป็นต้นเหตุที่ทำให้ดูแก่ก่อนวัย
อีลาสตินจะทำหน้าที่ควบคู่ไปกับคอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยเสริมความกระชับ ยืดหยุ่นให้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีกรดไฮยาลูลอน (Hyaluronic acid) เป็นสารช่วยหล่อลื่นให้ผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่ากรดไฮยาลูรอนเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดริ้วรอย เสริมความยืดหยุ่นให้ผิว แต่จริงๆ แล้วองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคืออีลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของชั้นผิว ที่ช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นของผิวได้ดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่กรดไฮยาลูรอนเป็นเพียงองค์ประกอบเสริม เท่านั้น
ส่วนเซราไมด์ (Ceramide) เป็นสารจำพวกไขมันซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง ทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้น เป็นองค์ประกอบหลักของเกราะป้องกันผิวในชั้นหนังกำพร้า เป็นเหมือนอิฐในชั้นผิว ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากปัจจัยกระตุ้นภายนอก เช่น แสงแดด ฝุ่น รวมไปถึงสารเคมีต่างๆ ที่มักก่อให้เกิดการระคายเคือง จึงมีส่วนช่วยลดริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์
หากผิวหนังขาดเซราไมด์ ก็เปรียบเสมือนผิวขาดเกราะป้องกัน จะทำให้ผิวอ่อนแอ ผิวแพ้ง่าย ขาดความชุ่มชื้น จนอาจเกิดปัญหาผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย ระคายเคืองง่าย และมีริ้วรอยก่อนวัย
ทั้งอีลาสตินและเซราไมด์ นับว่ามีความสำคัญต่อผิวหนังอย่างมากและจำเป็นต้องทำงานสอดประสานกัน
จากที่กล่าวไปข้างต้นว่าเซราไมด์จะอยู่ในโครงสร้างผิวชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นด่านแรกของการปกป้องผิวหนังชั้นอื่นๆ มีส่วนช่วยลดริ้วรอย หากเซราไมด์ถูกทำลายก็จะส่งผลให้ผิวอักเสบ ทำให้อีลาสตินถูกทำลายได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย ทำให้เกิดปัญหาผิวหนังเสื่อมก่อนวัยตามมานั่นเอง
อีลาสตินและเซราไมด์ถูกทำลายจากสาเหตุใดได้บ้าง?
ตามปกติ อีลาสตินในเซลล์ผิวจะเริ่มถูกทำลายตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป และไม่สามารถสร้างใหม่เพื่อทดแทนได้ ส่วนเซราไมด์ที่เป็นเกราะป้องกันผิวก็ถูกทำลายในทุกๆ วัน
ปัจจัยที่มากระตุ้นให้เกิดกระบวนการทำลายเร็วขึ้น คือสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น
- แสงแดด นับเป็นปัจจัยที่ทำลายผิวได้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะรังสียูวีเอ จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารอนุมูลอิสระ ซึ่งจะเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายเซลล์ผิวหนัง ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดฝ้า กระ ริ้วรอย ร่องผิวลึก รวมไปถึงมะเร็งผิวหนังด้วย
- ควันบุหรี่ สารพิษจากบุหรี่ รวมไปถึงควันจากท่อไอเสียรถยนต์ เป็นตัวการที่ทำให้เส้นใยอีลาสตินในผิวหนังแตกตัวและเสื่อมสลาย
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์มีส่วนสำคัญในการทำลายอีลาสตินใต้ผิวหนังเช่นกัน
นอกจากนี้การดื่มน้ำน้อย รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ พันธุกรรม การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีฤทธิ์เป็นด่าง หรืออายุที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมสภาพลงด้วย
ครีมลดริ้วรอย ตัวช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิว ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
สังเกตได้ว่า อีลาสตินและเซราไมด์นั้นถูกทำลายได้ง่ายๆ จากหลายปัจจัย ซึ่งบางครั้งการใช้ชีวิตประจำวันอาจทำให้หลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านั้นได้ค่อนข้างยาก
ปัจจุบันจึงมีเทคโนโลยีครีมลดริ้วรอยหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีส่วนช่วยลดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยให้ผิวเต่งตึง เปล่งประกาย โดยผลิตภัณฑ์ Curel Aging Care Series แบรนด์ Curel นับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ครีมลดริ้วรอยที่ตอบโจทย์ ช่วยเสริมเซราไมด์ให้ผิวในชั้นหนังกำพร้า และยับยั้งการทำลายอีลาสตินในชั้นหนังแท้อีกด้วย
Curel Aging Care Series ครีมลดริ้วรอยที่ช่วยแก้ปัญหาผิวที่ต้นเหตุ โดยผสาน 2 คุณค่าในหนึ่งเดียวคือ Elastin Lifter และ Curel Ceramide เอกสิทธิ์หนึ่งเดียวของคิวเรล เพื่อผิวชนะ 2 ต่อ ทั้งไม่แพ้ไม่แก่ก่อนวัย
- Elastin Lifter นวัตกรรมที่จะเข้าไปยับยั้งการทำลายอีลาสตินในชั้นผิวหนังแท้ โดยการตัดสัญญาณการทำลายเส้นใยอีลาสตินในชั้นผิว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ช่วยลดริ้วรอย ให้ผิวยังคงความเต่งตึงดังเดิม
- Curel Ceramide ช่วยเสริมเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรงในชั้นผิวหนังกำพร้า และต้านทานปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่ทำให้เกิดการแพ้ที่ต้นเหตุ ลดการกลับไปแพ้ซ้ำ และลดการทำลายอีลาสตินในชั้นผิวหนังแท้ จึงช่วยลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย Curel เป็นแบรนด์เวชสำอางจากประเทศญี่ปุ่น ที่แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นแนะนำ เพราะสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวแพ้ง่ายที่ต้นเหตุ รวมทั้งเสริมความแข็งแกร่งให้ผิวหน้าไม่ให้กลับไปแพ้ซ้ำ โดย Curel Aging Care Series เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ครีมลดริ้วรอยที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะเป็นสูตรอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม สี แอลกอฮอล์ ทั้งยังเป็นสูตร pH-balanced และ Hypoallergenic ผ่านการทดสอบ Patch-tested กับผู้มีผิวแพ้ง่ายมาแล้ว
จะเห็นได้ว่า ผิวหนังจะเริ่มถูกทำลายและเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ ตั้งแต่อายุ 20 ปี ดังนั้นหากต้องการบำรุงผิวให้คงสภาพความเต่งตึงไว้ สามารถเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควบคู่กับครีมลดริ้วรอยตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป
ซึ่งควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ ได้รับการรับรองมาตรฐานและมีงานวิจัยรองรับ เพื่อให้ผิวคงสภาพเต่งตึง เปล่งประกาย แลดูอ่อนกว่าวัยเอาไว้