ตามจริงแล้ว ทั้ง 2 วิธีนี้ไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกันเลยค่ะ เพราะถุงยางถือเป็นวิธีคุมกำเนิดปกติ และยาคุมฉุกเฉินก็เป็นวิธีคุมกำเนิดฉุกเฉินตามชื่อ การเลือกใช้จึงแตกต่างกันอยู่แล้ว
แต่เนื่องจากพบว่ามีนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นการใช้ที่ไม่เหมาะสมนะคะ แต่ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร ก็ยังอาจเห็นภาพได้ไม่ชัดเจน อย่ากระนั้นเลย จับมาเปรียบเทียบให้เห็นจะจะกันไปเลยดีกว่า จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปสักที
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
รูปแบบและวิธีใช้
ใช้ในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์
ใช้หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว
การใช้ถุงยางจะต้องมีการเตรียมการณ์ล่วงหน้าค่ะ นั่นคือต้องมีการเตรียมซื้อถุงยางมาไว้ใช้ในเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ ในขณะที่ยาคุมฉุกเฉิน จะใช้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว แต่ต้องใช้ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ โดยแนะนำให้ใช้ยาคุมฉุกเฉินในกรณีที่ไม่มีการเตรียมการณ์ไว้ก่อน เช่น ถูกข่มขืน หรือใช้ในกรณีที่เกิดความผิดพลาดจากวิธีคุมกำเนิดปกติ เช่น ถุงยางรั่วซึมหรือฉีกขาดเมื่อเปรียบเทียบวิธีการใช้ ก็ต้องยอมรับว่าการใส่ถุงยาง อาจขัดจังหวะของการทำกิจกรรมได้ค่ะ โดยเฉพาะถ้าผู้ใช้ไม่ชำนาญ และการขวางกั้นของถุงยางอาจทำให้คู่รักรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติไม่มากก็น้อย
ดังนั้น หากพิจารณาในเรื่องความสะดวกในการใช้ โดยไม่สนใจว่าเป็นการใช้ที่เหมาะสมหรือไม่ ก็ต้องยกให้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีที่สะดวกมากกว่าถุงยางค่ะ
ประสิทธิภาพ
มีโอกาสตั้งครรภ์ 2 – 18%
หากใช้ถูกวิธีและถุงยางไม่ฉีกขาด
จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 2%
มีโอกาสตั้งครรภ์ 15 – 25%
ต่อให้ใช้เร็วที่สุดภายหลังมีเพศสัมพันธ์
ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 %
จากประสิทธิภาพของทั้ง 2 วิธี จะเห็นได้ว่ายาคุมฉุกเฉินไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงเลยนะคะ เพราะแม้จะใช้ครบถ้วนโดยเร็ว ก็ยังมีความเสี่ยงสูงกว่าการใช้ถุงยางที่ถูกต้องเป็นอย่างมาก แต่ในกรณีที่ใช้ถุงยางไม่ถูกต้อง หรือมีการฉีกขาด การใช้ยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วอาจลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ลงได้บ้าง
จากประสิทธิภาพที่แตกต่างกันมากตามที่กล่าวมา จึงเป็นสาเหตุที่มีการแนะนำให้ใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีสำรองในกรณีที่เกิดความผิดพลาดจากวิธีหลักนั่นเองค่ะ
ผลข้างเคียง / ความเสี่ยง
แพ้ถุงยางที่ทำจากยางธรรมชาติ
การแพ้ถุงยางที่ทำจากยางธรรมชาติ พบได้น้อยมากค่ะ อีกทั้งอาการมักจะไม่รุนแรง ส่วนผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน แม้จะพบบ่อยกว่า แต่ก็ไม่รุนแรงเช่นกัน แต่สิ่งที่ถุงยางอนามัยเหนือกว่ายาคุมฉุกเฉินอย่างชัดเจนก็คือ สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ค่ะแพ็กเกจที่คุณอาจสนใจหมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
กดดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบความเสี่ยงทั้งหมด ถือว่าถุงยางอนามัยมีความปลอดภัยมากกว่านะคะ
ราคา
กล่องละ 20 – 100 บาท
(1 กล่องมีถุงยาง 2 – 3 ชิ้น)
กล่องละ 40 – 60 บาท
ทั้งถุงยางอนามัยและยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีราคาแตกต่างกันมากค่ะ และหากไม่ยึดติดยี่ห้อ สามารถซื้อถุงยางมาตรฐานในราคาที่ต่ำกว่ายาคุมฉุกเฉินได้ด้วยต่อให้ไม่มีการเปรียบเทียบ การนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนถุงยางอนามัยก็เป็นความคิดที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้วนะคะ และเมื่อเปรียบเทียบในภาพรวม คงยิ่งเห็นได้ชัดว่ายาคุมฉุกเฉิน มีข้อดีเหนือกว่าถุงยางอนามัยแค่ในเรื่องของความสะดวกในการใช้เท่านั้นค่ะ แต่มีข้อด้อยกว่าถุงยางอนามัยมาก ๆ หากพิจารณาเรื่องของประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงทั้งจากการตั้งครรภ์และจากการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ที่อาจเกิดขึ้นได้
ดังนั้น หวังว่าต่อไป คุณผู้อ่านจะไม่ใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนวิธีคุมกำเนิดปกตินะคะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง