การเดิน เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้เกิดการเผาผลาญพลังงานอย่างหนึ่ง แต่ก็ต้องเดินให้ถูกวิธีถึงจะช่วยได้ เช่น เดินเร็ว (Brisk walking) เดินแกว่งแขน เดินสลับวิ่ง เดินขึ้นลงบันได เป็นต้น ซึ่งหัวใจสำคัญในการเดินออกกำลังกาย คือ หัวใจต้องเต้นเร็วขึ้น มีการสูบฉีดเลือดมากขึ้นด้วย หรือคุณเริ่มรู้สึกเหนื่อย เริ่มร้อนนั่นเอง
นอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันแล้ว ยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้ด้วย ป้องกันการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งเต้านม เพิ่มความแข็งแรงให้กระดูกและกล้ามเนื้อ ช่วยให้อารมณ์ดี การรักษาสมดุลและการทำงานของร่างกายให้ดีด้วย ซึ่งยิ่งเดินได้เร็ว ได้ไกล และบ่อยมากเท่าไร ก็ได้รับผลดีมากขึ้นเท่านั้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การเดินจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้กี่แคลอรี่
น้ำหนักตัว และ ระยะทางที่คุณเดินได้ เป็นปัจจัยกำหนดพลังงานที่เผาผลาญได้ขณะเดิน ซึ่งความเร็วในการเดินมีผลน้อยกว่าปัจจัยสองอย่างแรกที่กล่าวไป ในคนมีน้ำหนัก 180 ปอนด์ (81 kg) จะเผาผลาญพลังงานขณะเดินได้ 100 แคลอรี่ต่อไมล์ หรือคนที่หนัก 120 ปอนด์ (54 kg) จะเผาผลาญพลังงานขณะเดินได้ 120 แคลอรี่ต่อไมล์ โดยคิดเฉลี่ยจำนวนก้าวที่ต้องเดินได้ 2,000 ก้าวเดิน เท่ากับ 1 ไมล์
ตารางคำนวนพลังงานที่เผาผลาญ ต่อ ระยะทางที่เดิน
ตารางแสดงการเผาผลาญพลังงานในช่วงระยะทาง 1 - 10 ไมล์ รวมถึงการวิ่ง Half Marathon หรือ Marathon ด้วยอัตราเร็วที่แตกต่างกันตั้งแต่ช้าถึงเร็ว
หากคุณสามารถเพิ่มอัตราเร็วในการเดินได้ใน 13 นาทีต่อไมล์ หรือน้อยกว่านั้นได้ คุณจะเผาผลาญพลังงานต่อระยะทางที่เดินได้มากขึ้น แต่สำหรับคนที่เริ่มต้นการเดินนั้น แนะนำให้เพิ่มระยะทางที่เดินก่อนที่จะเพิ่มความเร็ว
ตารางแสดงข้างบนนั้น อ้างอิงตาม MET - metabolic equivalents (หน่วยบอกจำนวนเท่าของการใช้พลังงานในกิจกรรมใดๆ เทียบกับขณะนั่งพัก) โดยอัตราการเผาผลาญพลังงานนั้นวัดระหว่างที่คนหนึ่งกำลังทำกิจกรรมนั้น ๆ
หลายๆ คนอาจสงสัยว่าเราจะเผาผลาญพลังงานต่อระยะทางที่เดินได้มากขึ้นได้อย่างไร หากเดินด้วยอัตราเร็วที่น้อยมาก เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โดยปกติแล้วเราอาจเดินๆ แล้วหยุดพัก และค่อยเริ่มใหม่อีกครั้ง หรือเดินไม่ต่อเนื่องนั่นเอง ทำให้ร่างกายไม่เกิดการเผาผลาญตามที่เราต้องการ ทางที่ดีหากเดินด้วยอัตราเร็วต่ำควรเดินให้ต่อเนื่อง และค่อยๆ เพิ่มอัตราเร็วเป็นระยะจะดีกว่า
ในขณะเดียวกัน หากคุณเดินด้วยอัตราเร็วที่เร็วมาก เร็วกว่าที่มีแสดงบนตารางข้างต้น คุณจะมีการใช้กล้ามเนื้อมากขึ้นด้วย เช่น เดินและแกว่งแขน หรือเดินแบบRacewalking stride ซึ่งกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นในแต่ละก้าวที่เดิน หรือแม้แต่ขณะพักก็ตาม
เราจะลดน้ำหนักจากการเดินได้อย่างไร ?
ในการลดน้ำหนักนั้น คุณจำเป็นต้องเพิ่มกิจกรรมที่ช่วยเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน หรือควบคุมการรับประทานอาหารให้ปริมาณแคลอรี่น้อยลง เริ่มจากต้องรู้ก่อนว่าร่างกายของเรามีความต้องการพลังงานทั้งหมดเท่าไรต่อวัน โดยมีค่าพลังงานพื้นฐาน (basal metabolic rate: BMR) เป็นค่าพลังงานขณะพัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าความต้องการพลังงานทั้งหมด (TDEE)
สรุป การเผาผลาญพลังงานด้วยการเดิน ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย คุณสามารถนำการเดินไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นการเผาผลาญพลังงานในช่วงเวลาว่าง เช่น ตอนเช้าปกติคุณจะนั่งวินมอเตอร์ไซต์ไปสำนักงาน แต่คุณเปลี่ยนเป็นเดินแทน อาจจะค่อยๆ เดินในช่วงแรก แล้วค่อยๆ เร่งฝีเท้าให้เร็วมากขึ้น ทำติดต่อกันจนรู้สึกหัวใจเต้นเร็วมากขึ้น เพียงเท่านี้ในช่วงเวลาจำกัด คุณก็ได้ออกกำลังกายง่ายๆ แล้ว ไม่เพียงแค่สุขภาพดี จิตใจและอารมณ์คุณก็จะดีขึ้นด้วย