May 11, 2019 04:03
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
หมอขอเเนะนำวิธีคุมกำเนิดคร่าวๆนะครับ
................
ยาคุมกำเนิดรายเดือน คุมกำเนิดได้ดี มีประจำเดือนตามรอบ รุ่นใหม่ๆลดสิวได้ เเต่ต้องกินทุกวัน อาจลืมได้ ผลข้างเคียง มีเลือดออกกระปริบกระปรอย เกิดฝ้าได้ ต้องระวังในคนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจ\หลอดเลือดสมอง
..............
ยาฉีดคุมกำเนิด ฉีดเข็มเดียวได้3เดือน คุมกำเนิดได้ดี เเต่อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอย เดือนหลังๆมักจะค่อยๆหายไปจนไม่มีประจำเดือน น้ำหนักขึ้น สิวขึ้นได้ หากหยุดฉีดเเล้วต้องการให้ประจำเดือนมาปกติพร้อมที่จะมีลูกอีกครั้งใช้เวลานาน 9-12 เดือนครับ (เเบบฉีดราย 1 เดือนก็มีครับ ประจำเดือนตามรอบเหมือนยากินเเบบฮอร์โมนรวมครับ)
.................
ยาฝังคุมกำเนิด ฝังหนึ่งครั้งได้3-5ปี คุมกำเนิดได้ดี เเต่อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอยได้ ราคาค่อนข้างสูง เเต่สาธารณสุขเหมือนจะมีโครงการฝังฟรีครับ เวลาฝังอาจเจ็บได้ ต้องมาเอาออกเวลาครบกำหนด
................
การทำหมัน ชาย เเละ หญิง คุมกำเนิดได้ดี ไม่มีผลกระทบกับอารมณ์ทางเพศ เพียงเเต่เเก้ยากหากต้องการมีบุตรอีก ต้องทำโดยเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เป็นต้นครับ
.................
1.ยากินคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดรายเดือน รุ่นใหม่ๆ เช่น Yaz Yasmin Oilezz พวกนี้มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ สิวลดลงได้ครับ (อาการบวมก็ไม่มากเนื่องจาก เอสโตรเจนไม่ได้สูงงมาก)
ทั้งหมดเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมครับ
เริ่มกินในวันที่1-5นับจากประจำเดือนมาวันเเรก(เพราะชัวร์ว่าไม่ได้ท้องเเละยาออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ คุมกำเนิดได้เลย) หรือกินช่วงไหนของเดือนก็ได้เเต่ต้องชัวร์ว่าไม่ท้อง เเละต้องกินไปอย่างน้อย7วันจึงจะมีฤทธิ์คุมกำเนิดครับ
.........
ถ้าเป็นแผง21เม็ดหลังกินหมดเเผง ให้เว้น 7 วัน เเล้วเริ่มเเผงใหม่ครับ เเต่ถ้าเป็น28เม็ดเมื่อหมดเเผงให้กินเเผงต่อไป ต่อไปเลยครับ
.........
ถ้ากรณี21เม็ด ช่วงที่เว้น7วันก่อนเริ่มยาแผงใหม่จะมีประจำเดือนมา
.........
ส่วนกรณี28เม็ด ช่วงที่กิน7เม็ดสุดท้าย(เม็ดเเป้ง) จะมีประจำเดือนมา ครับ
.........
ผลข้างเคียงคือ คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม บวม
ใช้นานๆระยะยาวอาจมีฝ้าได้
(เเนะนำให้กินก่อนนอน จะได้ไม่ลืมเเละลดผลข้างเคียงเรื่องคลื่นไส้อาเจียน)
.........
ควรหลีกเลี่ยงการกินยากรณีที่
- ให้นมลูกอยู่ เพราะยาทำให้น้ำนมไหลน้อยได้
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ เคยเป็นโรคหัวใจ โรคสมองขาดเลือด ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา เป็นต้นครับ
2.ยาฉีดคุมกำเนิด
หลักๆจะมียาฉีดสองเเบบคือ เเบบสามเดือน(ฮอร์โมนเดี่ยว) กับแบบหนึ่งเดือน(ฮอร์โมนรวมครับ)
กรณีเป็นฮอร์โมนเดี่ยว(โปรเจสเตอโรน)ส่วนใหญ่ฉีดทุกสามเดือนครับ อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอย ประจำเดือนไม่มา น้ำหนักขึ้นได้ หากหยุดฉีดกว่าจะกลับมาตกไข่ มีลูกได้ใช้เวลาประมาณ10-12เดือนครับ
ส่วนฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจน+โปรเจสเตอโรน) จะฉีดทุก1เดือน หลังฉีด วันที่21เป็นต้นไป จะมีเลือดประจำเดือนตามรอบได้ครับ (คล้ายกินยาคุมแบบเเผง)
เเบบฮอร์โมนรวมถ้าหยุดฉีด เดือนถัดไป ไข่ตก มีลูกได้ตามรอบครับ
การเริ่มฉีด
-เริ่มใช้เข็มแรกภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้เลย มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในได้ไม่ต้องใช้ถุงยางครับ
- เริ่มใช้เข็มแรกหลังจากช่วง7วันเเรกของประจำเดือน ต้องมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ (เช่น หลังจากมีประจำเดือนล่าสุดจนถึงวันที่จะฉีดยา ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์) หลังฉีดจะยังไม่มีผลคุมกำเนิด ต้องงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนหรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปอีก 7 วันหลังฉีดยาครับ
........
การฉีดยาคุมรายสามเดือน ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน มีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือ เลือดประจำเดือนออกกระปริบกระปรอยครับ บางคนฉีดไปนานๆ ประจำเดือนจะหายไปได้ ครับ หลังหยุดฉีดยา กว่าไข่จะตกมีประจำเดือนปกติได้ จะประมาณ9-12เดือนครับ(ดังนั้นหลังหยุดฉีด จะกลับมาท้องได้ช้ากว่าชนิดฉีดทุก1เดือน
หรือ ถ้าเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฉีดทุกหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นฮอร์โมนรวม ก็จะมีผลข้างเคียงเหมือนยาคุมเเบบเเผงรายเดือนครับ เช่น คลื่นไส้อาเจียน คัดเต้านม เวียนหัว เเต่จะมีประจำเดือนตามรอบ หยุดฉีดเเล้วกลับมาตกไข่ มีประจำเดือนได้เร็วครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สอบถามค่ะหมอพอดีฉีดยาคุมมา2ปีแล้วไม่มีประจำเดือนเลยแต่พอไปฉีดเมื่อเดือนที่แล้ว เดือนนี้มีเลือดออกมา2วันแล้วแต่ไม่เยอะ เป็นอันตรายไหมค่ะ
ตอบโดย
วลีรักษ์ จันทร (พว.)
วิธีการคุมกำเนิดแต่ล่ะวิธีต้องดูความเหมาะสมของเราด้วยนะค่ะว่าจะสะดวกวิธีไหนและจะเว้นการมีบุตรกี่ปีค่ะ
1.ยากินคุมกำเนิด ในเม็ดยาจะมีส่วนผสมของฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน (Estrogen) และ โพรเจสเทอโรน (Progesterone) มีผลยับยั้งการตกไข่ มีแบบ28เม็ด และ 21 เม็ด ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเท่ากัน สำหรับการใช้ยาที่สมบูรณ์แบบ กินยาตรงเวลาเป๊ะ-ไม่ลืม มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.3% แต่สำหรับการใช้ยาแบบคนทั่วไป ลืมกินบ้าง กินไม่ตรงเวลาบ้าง จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 8%
ข้อดีของยากินคุมกำเนิด หลังหยุดกินแล้ว สามารถตั้งครรภ์ได้เลยในเดือนถัดมา ประจำเดือนมาสม่ำเสมอตามปกติ ลดอาการปวดประจำเดือนได้ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งมดลูกและรังไข่
2.ยาฉีดคุมกำเนิด ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (นิยมฉีดบริเวณสะโพก) ครั้งละ 1 เข็ม ทุก3เดือน โดยเริ่มฉีดในวันแรกของการมีประจำเดือนหรือภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน หลังฉีด จะไม่มีรอบเดือนตามปกติเช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนเดี่ยว แต่อาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอยเรื้อรังได้ สำหรับการใช้ในคนทั่วไปโอกาสตั้งครรภ์ 3% และในคนที่ฉีดยาสม่ำเสมอสมบูรณ์แบบ โอกาสตั้งครรภ์มีเพียง 0.3%
ข้อเสีย ต้องหยุดยานาน มากกว่า9เดือนขึ้นไป จึงจะสามารถมีบุตรได้
3.ยาฝังคุมกำเนิด ยาที่ถูกฝังจะค่อยๆปล่อยฮอร์โมนคุมกำเนิดออกมาในระยะเวลา 3-5ปี เหมาะกับผู้ที่จะเว้นระยะการมีบุตรนานๆ มีโอกาสตั้งครรภ์ 0.01 -0.5% ผลข้างเคียง อาจมีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอยได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คุณหมอค่ะถ้าฉีดมา2ปีประจำเดือนไม่มาเลย เเต่พอไปฉีดเมื่อเดือนที่เเล้ว เดือนนี้มีเลือดออกมา2วันแล้วมีอันตรายอะไรไหมค่ะ
กินยาคุม กับ ฉีดยาคุม แบบไหนดีกว่ากันครับ แล้วมีผลข้างเคียงใหม ถ้าฉีดยาค่าใช้จ่ายเท่าไรครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)