September 02, 2019 10:10
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
อาการคันและมีตุ่ม ในช่องคลอด เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
-การติดเชื้อ เช่น เชื้อแบคทีเรีย, เชื้อรา, เชื้อปรสิต
-ช่องคลอดอักเสบ
-การแพ้ต่างๆ เช่น แป้ง, สบู่, น้ำยาสวนล้างช่องคลอด เป็นต้น
เบื้องต้นแนะนำคนไข้ ลองงดสวดล้างช่องคลอด งดมีเพศสัมพันธ์ ดื่มน้ำมากๆ ไม่กลั้นปัสสาวะ ไม่ใส่เสื้อผ้าอับชื้น และลองเปลี่ยนสบู่ หรือแป้งที่ใช้ ดูครับ
ดีที่สุดแนะนำให้ ไปพบสูตินรีแพทย์ เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน เพิ่มเติมเพื่อจะได้วินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
การมีตุ่มหรือแผลบนอวัยวะเพศนั้นสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ครับ เช่น
- โรคเริม (Genital herpes) มีลักษณะเป็นตุ่มเม็ดกลมๆใสๆขึ้นเป็นกลุ่ม
- โรคหูด (Genital warts) มีลักษณะเป็นตุ่มนูน หรือแบนก็ได้ สีเหมือนสีผิวหนังทั่วไป ลักษณะผิวด้านบนก้อนขรุขระเหมือนดอกกะหล่ำ
- แผลริมอ่อน (Chancroid) มีลักษณะเป็นแผลหลุมตื้นๆ บวมแดง ขอบแผลชัดเจน คล้ายแผลร้อนในในช่องปาก มีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณแผล อาจพบอาการบวมของต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้างได้
- แผลริมแข็ง (Chancre) หรือโรคซิฟิลิสระยะที่ 1 (Syphillis) ลักษณะแผลมีขนาดเล็ก ก้นขอบแผลมีลักษณะเรียบและแข็ง มักไม่มีอาการเจ็บปวดบริเวณแผล
- แผลกามโรคเรื้อรังที่ขาหนีบ (Granuloma inguinale) ลักษณะจะเป็นแผลเรื้อรัง พบบ่อยบริเวณขาหนีบ อัณฑะ อวัยวะเพศภายนอกของผู้หญิง ซึ่งเริ่มแรกจะมีแผลเป็นลักษณะตุ่มน้ำใสๆ และจะแตกออกเป็นแผลตื้นๆในเวลาต่อมา
- ฝีมะม่วง (Lymphogranuloma venereum) ลักษณะแผลเป็นตุ่ม หรือเป็นแผลตื้นๆบนอวัยวะสืบพันธ์ ร่วมกับมีอาการบวมหรืออักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ ในเพศหญิงอาจเกิดอาการบวมที่ปากมดลูกและแคมได้
**แผลบนอวัยเพศต่างๆที่ได้กล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ซึ่งการวินิจฉัยต้องอาศัยการซักประวัติ และตรวจร่างกายเพิ่มเติม รวมถึงการพิจารณาส่งสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการครับ ดังนั้นควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจและให้การรักษาครับ**
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ ก้อนเนื้อหรือตุ่มที่บริเวณ อวัยวะเพศ สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ คือ
1. พวกหูดต่างๆ จะมีก้อนเล็กๆ ลักษณะผิวไม่เรียบ อาจจะเจ็บๆคันๆ ได้ หรืออาจะไม่มีอากานเจ็บ คันก็ได้ครับ การรักษาคือ การจี้ออกด้วยความเย็นหรือไฟฟ้า หรือการทายาแก้หูดได้ครับ แต่ยาจะเป็นยาอันตรายครับ
2.เริม จะมีอาการเป็นตุ่มน้ำใส เจ็บปวด แสบ จะขึ้นกันเป็นกลุ่ม การรักษาคือจะสามารถหายเองได้ ร่วมกับการกินยาต้านเริมครับ
3.สิว จะเป็นตุ่มเล็กๆคล้ายไขมัน เหมือนสิวที่ใบหน้า เป็นต้น การรักษาคือ ดูแลความสะอาด
4.ติดเชื้อรา candida จะมีตุ่ม แดงๆ ขึ้นและคัน การรักษาคือการทายาฆ่าเชื้อราอย่างน้อยสอง อาทิตย์ครับ
5.มะเร็ง บางอย่าง จะมีก้อน ผิวไม่เรียบ เจ็บปวด ต้องอาศัยการตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจครับ
เนื่องจากสามารถเป็นได้หลายอย่าง แนะนำว่าควรไปตรวจที่โรงพยาบาลครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สวัสดีค่ะคุณหมอ.. หนูอายุ 26 ปี หนูพบสิ่งผิดปกติ ตรงอวัยวะเพศค่ะ มีเหมือนติ่ง แล้วก็คันค่ะ ตรงบริเวณ ใกล้เนิน แต่อยู่ในแคมค่ะ ก่อนเป็นรู้สึกคันมาก ก็เกา พออีกสัก2-3 วันมีตุ่มขึ้น แล้วคันค่ะ เป็นมา3-4 เดือนแล้วค่ะ อยากทราบสาเหตุ และการรักษาค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)