จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) ระบุว่า มีโรคภัยที่เกี่ยวข้องกับความร้อนหลายชนิด แต่โรคที่อันตรายมากที่สุดคือโรคลมแดด หรือ Heat Stroke นั่นเอง โดยโรคลมแดดเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถลดอุณหภูมิแกนกลางลงได้ ทำให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะต่างๆ ทั้งนี้โรคลมแดดมีสองชนิด คือ แบบทั่วไป กับแบบที่เกิดจากการออกกำลังกาย โรคลมแดดทั่วไปมักพบได้ในคนวัยหนุ่มสาว หรือคนสูงอายุที่ร่างกายมีปัญหากับการรักษาอุณหภูมิที่แกนกลางภายในร่างกาย คนที่เป็นโรคลมแดดประเภทนี้อาจไม่รู้สึกร้อน เพราะอุณหภูมิของร่างกายจะเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอตลอดหลายชั่วโมงหรือตลอดวัน ในขณะที่โรคลมแดดที่เกิดจากการออกกำลังกายมักพบได้ในคนที่ออกกำลังกายท่ามกลางความร้อน ซึ่งนักกีฬาที่ร่างกายมีความอึด เช่น นักฟุตบอล หรือคนใช้แรงงาน จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป
อาการทั่วไปของโรคลมแดด
- อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น หากอุณหภูมิของร่างกายสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็นสัญญาณของโรคลมแดด ซึ่งต้องวัดจากอุณหภูมิแกนกลางของร่างกาย โดยในการวินิจฉัยจะวัดทางทวารหนักจะได้ค่าอุณหภูมิแกนกลางที่แม่นยำ
- ไม่มีเหงื่อออก หรือมีเหงื่อมาก เมื่อใช้เวลาอยู่ในบริเวณที่มีอากาศร้อนมาก ร่างกายจะพยายามหยุดรักษาอุณหภูมิแกนกลางภายในร่างกาย ดังนั้นในระหว่างที่เป็นโรคลมแดดแบบทั่วไป ร่างกายก็อาจไม่ได้ขับเหงื่อออกมา ในขณะที่แบบที่เกิดจากการออกกำลังกายร่างกายของผู้ป่วยจะขับเหงื่อออกมาในปริมาณมาก
- สับสนหรือมีปัญหากับการเดิน การเป็นโรคลมแดดจากการออกกำลังกาย ทำให้ระบบประสาทส่วนกลางถูกทำลาย ดังนั้นการที่ร่างกายเคลื่อนไหวผิดปกติ เกิดความรู้สึกสับสน ก้าวร้าว หรือการสูญเสียความสามารถในการเดิน ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ต้องเฝ้าระวัง
- ปวดศีรษะเหมือนโดนตี การมีอาการปวดศีรษะที่เหมือนกับโดนทุบถือเป็นอาการพื้นฐานของโรคลมแดด ซึ่งอาการที่ว่ามักเกิดจากภาวะขาดน้ำ หรือผลกระทบภาพรวมที่มีต่อระบบประสาทส่วนกลาง
- เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ในช่วงที่เหงื่อออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจะสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้น ความร้อนจะเริ่มส่งผลต่ออวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย และนำไปสู่การเกิดอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด คลื่นไส้ หรืออาเจียน
- ผิวแดง ทั้งโรคลมแดดแบบทั่วไปและโรคลมแดดที่เกิดจากการออกกำลังกาย เมื่อร่างกายพยายามปรับอุณหภูมิให้เย็นลง จะมีการขยายตัวของหลอดเลือดฝอยบริเวณผิวหนังเพื่อระบายความร้อน ทำให้สีผิวดูแดงขึ้น นอกจากนี้อาจรู้สึกว่าผิวชื้นมากกว่าปกติ หรือแห้งจนผิดสังเกต โดยขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นโรคลมแดดชนิดใด
- หัวใจเต้นแรงหรือมีปัญหากับการหายใจ หัวใจจะตกอยู่ในภาวะตึงเครียดเมื่อร่างกายร้อนเกินไป เพราะต้องสูบฉีดเลือดมากขึ้นและเร็วขึ้นเพื่อให้ระบบทำความเย็นของร่างกายรักษาความสมดุลของอุณหภูมิ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการหายใจหรือทำให้เกิดภาวะระบายลมหายใจเกิน (Hyperventilation)
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การปฐมพยาบาลโรคลมแดดเบื้องต้น
หลักการสำคัญ คือการลดระดับความร้อนของร่างกายลงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำให้ โดยวิธีที่ลดความร้อนได้เร็วที่สุด คือการแช่ตัวของผู้ป่วยลงในถังน้ำเย็น (ลดได้ประมาณ 0.2 องศาเซลเซียสต่อนาที) แต่หากไม่สามารถหาถังหรืออ่างได้ สามารถใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือถุงใส่น้ำแข็งเช็ดหมุนเวียนหรือประคบตามคอ ลำตัว แขนขา ข้อพับต่าง ๆ ก็สามารถช่วยลดความร้อนได้พอสมควร (ประมาณ 0.15 องศาเซลเซียสต่อนาที) เมื่ออุณหภูมิร่างกายลดลง ผู้ป่วยจะอาการดีขึ้น รู้สึกตัวดีขึ้น จากนั้นค่อยให้ดื่มน้ำเพื่อชดเชยภาวะขาดน้ำของร่างกาย แต่ถ้าหมดสตินานควรนำส่งโรงพยาบาล เพราะอาจต้องได้รับน้ำเกลือทางหลอดเลือด
การป้องกันโรคลมแดด
- หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาในสภาพอากาศที่ร้อนจัด
- ดื่มน้ำให้พอเพียงกับความต้องการของร่างกาย ไม่ควรรอจนรู้สึกกระหายน้ำ
- หากเล่นกีฬานานกว่า 1 ชั่วโมงควรดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป
- ไม่ควรเล่นกีฬาในขณะที่มีไข้
- ควรเลือกสวมเสื้อผ้าสีอ่อนที่เบาสบาย อากาศถ่ายเทได้ดี และไม่ควรทาครีมกันแดดหนาจนเกินไป