nortriptyline scaled

Nortriptyline (นอร์ทริปไทลีน)

Nortriptyline (นอร์ทริปไทลีน) เป็นยาต้านเศร้าในกลุ่มไตรไซคลิก (Tricyclic antidepressants) ใช้รักษาโรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคตื่นตระหนก รวมถึงใช้รักษาอาการปัสสาวะรดที่นอนในเด็ก โดยยาจะออกฤทธิ์ปรับสมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง ช่วยให้อารมณ์และความรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลายความเครียด ความวิตกกังวล และยังช่วยเพิ่มระดับพลังงานของร่างกาย 

มีคำถามเกี่ยวกับ นอร์ทริปไทลีน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

Nortriptyline ใช้รักษาโรคอะไร 

  • รักษาอาการซึมเศร้า (Depression): ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้า โดยปรับอารมณ์และความรู้สึกทั่วไป
  • บรรเทาอาการปวดประสาท (Neuropathic Pain): ใช้รักษาอาการปวดประสาท เช่น อาการปวดจากเส้นประสาท (Neuropathic pain) และโรคไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia)
  • รักษาโรควิตกกังวลและโรคตื่นตระหนก (Anxiety and Panic Disorders): ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการวิตกกังวล หรืออาการตื่นตระหนก
  • รักษาภาวะปัสสาวะรดที่นอนในเด็ก (Enuresis in Children): ใช้รักษาเด็กที่มีปัญหาปัสสาวะรดที่นอน

ปริมาณการใช้ยา Nortriptyline  

ส่วนใหญ่ในไทยนิยมใช้ยาเม็ด Nortriptyline 10 mg ส่วนปริมาณตามที่แพทย์สั่ง

รักษาโรคซึมเศร้า 

  • ผู้ใหญ่: เริ่มต้นที่ 25 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 1–4 ครั้งตามดุลยพินิจของแพทย์ และรับประทานในเวลาเดียวกันทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นก่อนนอน อาจปรับปริมาณยาเพิ่มตามดุลยพินิจของแพทย์ สูงสุดไม่เกิน 150 มิลลิกรัมต่อวัน
  • เด็ก อายุ 12–17 ปีและผู้สูงอายุ: ขนาดยา 10-25 มิลลิกรัม วันละ 1-3 ครั้ง อาจเพิ่มได้ตามดุลยพินิจของแพทย์  และรับประทานในเวลาเดียวกันทุกวัน สูงสุดไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อวัน

รักษาอาการปวดเรื้อรัง หรือป้องกันไมเกรน

  • เริ่มต้นที่ 10-25 มก. ก่อนนอน
  • สามารถปรับเพิ่มขนาดยาได้ทุกสัปดาห์ตามการตอบสนอง โดยปกติอยู่ในช่วง 25-75 มก./วัน

รักษาอาการปัสสาวะรดที่นอนในเด็ก

  • เด็กอายุ 67 ปี หรือมีน้ำหนักตัว 2025 กิโลกรัม ขนาดยา 10 มิลลิกรัมต่อวัน
  • เด็กอายุ 811 ปี หรือมีน้ำหนักตัว 2535 กิโลกรัม ขนายา 1020 มิลลิกรัมต่อวัน
  • เด็กอายุ 11 ปีขึ้นไป หรือมีน้ำหนักตัว 3554 กิโลกรัม ขนาดยา 25 มิลลิกรัม

ข้อควรระวังในการใช้ยา Nortriptyline  

  • แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนถึงประวัติการแพ้ยา แพ้ยาชนิดนี้ หรือแพ้สารใด ๆ เพราะยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้
  • แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรถึงประวัติทางการแพทย์เสมอ โดยเฉพาะโรคตับ โรคหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจตาย มีปัญหาการหายใจหรือปัสสาวะ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน มีอาการชัก หรือสภาวะอื่นที่อาจทำให้ชักง่ายขึ้น
  • หากตนเองหรือคนในครอบครัวมีประวัติฆ่าตัวตาย มีความผิดปกติทางจิตใจหรืออารมณ์ เช่น โรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder) หรือโรคจิตเภท รวมถึงโรคต้อหินชนิดมุมปิด ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนเช่นกัน
  • แจ้งรายการยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ ให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเสมอ เพราะยา Nortriptyline และยาอีกหลายชนิด อาจส่งผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ เช่น ยา Amiodarone, ยา Cisapride, ยา Dofetilide และยาปฏิชีวนะกลุ่ม Macrolide
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาในกลุ่ม MAO inhibitors เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ทั้งก่อนและหลังใช้ยา Escitalopram โดยให้ปรึกษากับแพทย์เสมอ เพราะยาในกลุ่ม MAO inhibitors อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่ร้ายแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
  • ยา Nortriptyline อาจเป็นสาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ยาว (QT prolongation) แม้พบได้น้อยแต่ร้ายแรง อาจทำให้เสียชีวิต ถ้ามีอาการหัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ เวียนศีรษะรุนแรง หน้ามืด ควรรีบพบแพทย์ทันที
  • ยา Nortriptyline อาจทำให้เวียนศีรษะ ง่วงนอน หรือตาพร่ามัว ห้ามขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ทำกิจกรรมใด ๆ ที่ต้องอาศัยการตื่นตัวหรือการมองเห็นที่ชัดเจน รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น 
  • หากกำลังใช้ยา Nortriptyline และต้องเข้ารับการผ่าตัด ให้แจ้งแพทยหรือทันตแพทย์ทราบก่อน 
  • ยา Nortriptyline อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง หลอดไฟอัลตราไวโอเลต (Sunlamps) หากต้องสัมผัสแสงแดด ควรทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้ามิดชิด และแจ้งแพทย์ทันที หากมีอาการผิวไหม้จากแดด ผิวหนังแดง หรือผิวหนังมีตุ่มพอง
  • ยา Nortriptyline ชนิดน้ำ อาจมีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ จึงต้องระมัดระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องจำกัดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานแอลกอฮอล์ เช่น โรคเบาหวาน พิษสุราเรื้อรัง และโรคตับ หรือโรคอื่น ๆ  
  • ยานี้อาจทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น ผู้ป่วยเบาหวานควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเองเป็นประจำ และปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนเสมอ เพราะอาจต้องปรับการใช้ยาเบาหวาน โปรแกรมการออกกำลังกาย หรือปรับการรับประทานอาหาร
  • ผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดอาการข้างเคียงจากยาได้มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอาการปากแห้ง เวียนศีรษะ สับสน ปัสสาวะลำบาก และหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด QT prolongation
  • ยา Nortriptyline ควรใช้เฉพาะกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริง และยา Nortriptyline ผ่านไปยังน้ำนมได้ ทำให้อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ในทารกที่ดูดนม คุณแม่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
  • ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพราะอาจต้องมีการตรวจติดตามอาการ และผลข้างเคียงระหว่างใช้ยานี้เป็นระยะ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG การตรวจการทำงานของตับ การตรวจระดับยา Nortriptyline ในเลือด 

คำแนะนำในการใช้ยา Nortriptyline 

ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตามวิธีใช้ยาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้ โดยขนาดยาที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับสภาวะโรคและการตอบสนองต่อการรักษา 

แพทย์อาจให้ยาขนาดต่ำก่อน แล้วค่อย ๆ ปรับเพิ่มขนาดยาขึ้น เพื่อลดการเกิดอาการข้างเคียง เช่น ปากแห้ง เวียนศีรษะ 

ห้ามหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
การหยุดใช้ยากะทันหัน อาจทำให้อาการแย่ลง หรือเกิดอาการบางอย่างได้ เช่น อารมณ์แปรปรวน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และการนอนหลับเปลี่ยนแปลงไป 

ผู้ป่วยต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม อย่าหยุดยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ และเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการดังกล่าวระหว่างหยุดยา แพทย์อาจค่อย ๆ ปรับลดขนาดยาลงก่อนพิจารณาหยุดยา

ยาอาจใช้เวลาสักพักใหญ่ในการออกฤทธิ์จนเห็นประโยชน์
เมื่อรับประทานยานี้แล้ว ยาจะยังไม่ออกฤทธิ์ในทันที แต่อาการจะเริ่มดีขึ้นเมื่อใช้ยาไปแล้วราว ๆ สัปดาห์ และอาจใช้เวลานานถึง 4 สัปดาห์ ถึงได้ประโยชน์จากยาเต็มที่ 

แจ้งแพทย์ทันที หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที ถ้ามีอาการใด ๆ เกิดขึ้น หรืออาการที่เป็นอยู่แย่ลง เช่น หงุดหงิด ฉุนเฉียว รู้สึกเกลียด รู้สึกโกรธ มีปัญหาในการนอนหลับ มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น กระวนกระวายใจอย่างรุนแรง พูดเร็วมาก รู้สึกซึมเศร้ามากกว่าเดิม หรือมีความคิดฆ่าตัวตาย 

โดยให้สังเกตอาการเหล่านี้เป็นพิเศษในช่วงเริ่มใช้ยา หรือเมื่อมีการปรับขนาดยา โดยเฉพาะผู้ป่วยอายุน้อย และควรไปพบแพทย์ตามนัดหมายเสมอ เพื่อติดตามผลการรักษา กรณีมีข้อสงสัยหรือปัญหาใด ๆ ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม 

การได้รับยา Nortriptyline เกินขนาด

การได้รับยา Nortriptyline เกินขนาด อาจก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้ เช่น ง่วงนอนอย่างรุนแรง ประสาทหลอน หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ หน้ามืดเป็นลม หายใจช้า หายใจตื้น มีอาการชัก  

รวมถึงอาจก่อให้เกิดอาการร้ายแรง อย่างการหมดสติ หรือหายใจลำบาก หากพบผู้ใดมีอาการเหล่านี้ ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669

มีคำถามเกี่ยวกับ นอร์ทริปไทลีน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา Nortriptyline

สภาวะต่อไปนี้ถือเป็นข้อห้ามในการใช้ยา Nortriptyline ดังนั้น ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเสมอ หากคุณมีสภาวะดังต่อไปนี้

  • แพ้ยา Nortriptyline
  • แพ้ยาที่มีโครงสร้างเป็น Tricyclic Compounds
  • เป็นโรคจิตเภท
  • เป็นโรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder)
  • มีความคิดฆ่าตัวตาย
  • เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง (Alcoholism)
  • เป็นกลุ่มอาการเซโรโทนิน (Serotonin syndrome) 
  • มีโรคหรือภาวะที่อาจทำให้ชักได้ง่าย (Lower seizure threshold)
  • เป็นต้อหินมุมปิด หรือมีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินมุมปิด
  • มีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป (Overactive thyroid gland)
  • มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
  • มีภาวะหัวใจเต้นเร็วชนิด Sinus Tachycardia
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจพบคลื่นช่วง QT ยาว 
  • มีภาวะคลื่นไฟฟ้าหัวใจช่วง QT ผิดปกติตั้งแต่กำเนิด
  • มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • เป็นโรคหลอดเลือดสมอง
  • เป็นโรคตับอย่างรุนแรง
  • เป็นโรคไตวาย
  • เป็นโรคต่อมลูกหมากโต
  • มีอาการชัก
  • มีปัญหาในการปัสสาวะ
  • มีการทำงานของเอนไซม์ CYP2D6 น้อยกว่าปกติ (CYP2D6 poor metabolizer)

การใช้ยา Nortriptyline ในผู้มีครรภ์และผู้ที่ให้นมบุตร

การใช้ยา Nortriptyline กับผู้มีครรภ์นั้นควรใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น รวมถึงกับผู้ที่กำลังให้นมบุตรด้วย เพราะยานี้อาจส่งผ่านไปยังน้ำนมและส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ 

หากกำลังวางแผนตั้งครรภ์ กำลังตั้งครรภ์ หรือคิดว่าตนเองอาจจะตั้งครรภ์ ให้รีบปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยานี้ขณะตั้งครรภ์ทันที 

ถ้าลืมกินยา Nortriptyline ต้องทำอย่างไร

ถ้าลืมรับประทานยา ให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ตามจำนวนปกติ (เช่น ถ้าปกติรับประทาน 1 เม็ด ก็รับประทานเท่าเดิม ไม่ต้องเพิ่มเป็น 2 เม็ด) 

กรณีที่เพิ่งนึกได้ตอนใกล้รับประทานมื้อใหม่ ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรอรับประทานมื้อถัดไปได้เลย ในจำนวนปกติเช่นกัน ไม่ต้องเพิ่มขนาดยา

ปฏิกิริยาระหว่าง Nortriptyline กับยาอื่น ๆ 

การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง

ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้น ต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่ากำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่าง ๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์

รายการยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Nortriptyline

  • ยาที่มีส่วนประกอบของ Amitriptyline เพราะ Nortriptyline มีความคล้ายคลึงกับยานี้มาก
  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Warfarin
  • ยาเลิกเหล้า เช่น ยา Disulfiram
  • ยารักษาโรคหรืออาการติดเชื้อราบางชนิด เช่น ยา Terbinafine
  • ยาในกลุ่ม Anticholinergic drugs เช่น Benztropine, Belladonna Alkaloids
  • ยาสำหรับรักษาโรคความดันโลหิตสูงบางรายการ ได้แก่ ยาที่ออกฤทธิ์ที่สมอง เช่น Clonidine, Guanabenz
  • ยาในกลุ่ม MAO inhibitors เช่น Isocarboxazid, Linezolid, Methylene Blue, Moclobemide, Phenelzine, Procarbazine, Rasagiline, Safinamide, Selegiline, Tranylcypromine
  • ยาอื่น ๆ ที่เพิ่มปริมาณสารสื่อประสาทเซโรโทนิน อาจก่อให้เกิดกลุ่มอาการเซโรโทนิน หรือเซโรโทนินเป็นพิษ (Serotonin syndrome/toxicity) เช่น สมุนไพรเซนต์จอห์น เวิร์ต (St. John’s wort) ยาต้านเศร้ากลุ่ม SSRIs หรือกลุ่ม SNRIs
  • ยารักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น Quinidine, Propafenone, และ Flecainide เพราะอาจไปกำจัดยา Nortriptyline ออกจากร่างกาย และส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยาได้
  • ยาหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่ทำให้ง่วงนอน เช่น แอลกอฮอล์, ยาต้านฮีสตามีน (เช่น Cetirizine, Diphenhydramine), ยานอนหลับ หรือยารักษาอาการวิตกกังวล (เช่น Alprazolam, Diazepam, Zolpidem), ยาคลายกล้ามเนื้อ, และยาแก้ปวดที่อาจทำให้เสพติดได้ (เช่น Codeine)
  • ไทรอยด์ฮอร์โมน

ผลข้างเคียงจากยา Nortriptyline 

Nortriptyline อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับผู้ป่วยบางรายได้ แต่หลาย ๆ คนไม่มีผลข้างเคียงเลยหรืออาจมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มักไม่รุนแรง และหายไปภายในไม่กี่วัน 

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย

  • ท้องผูก
  • รู้สึกเวียนศีรษะ
  • ปากแห้ง
  • รู้สึกง่วงนอน
  • ปัสสาวะลำบาก
  • ปวดหัว

ผลข้างเคียงร้ายแรง

เป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อย แต่หากมีอาการเหล่านี้ ให้รีบพบแพทย์ทันที

  • หัวใจเต้นเร็วและไม่สม่ำเสมอ
  • ตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง (อาจสังเกตได้ไม่ชัดในผิวสีน้ำตาลหรือสีดำ) ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาตับได้ 
  • มีอาการปวดหัวเรื่อย ๆ และไม่ดีขึ้น รู้สึกสับสน อ่อนแรง หรือเป็นตะคริวกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของระดับโซเดียมในเลือดต่ำ
  • มีความคิดที่จะทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย 
  • ปวดตา การมองเห็นเปลี่ยนแปลงไป หรือมีอาการบวม แดงด้านในหรือรอบ ๆ ดวงตา 
  • ท้องผูกเป็นเวลานาน หรือมีปัญหาในการปัสสาวะจนทำให้ปวดท้อง

อีกผลข้างเคียงที่อาจพบได้แต่น้อยลงไปอีก คืออาการภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน หรือภาวะแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) 

การเก็บรักษายา Nortriptyline 

เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำ และเก็บยานี้ รวมถึงยาทุกชนิดให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง 

ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสม เมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก

มีคำถามเกี่ยวกับ นอร์ทริปไทลีน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ