Ephedrine เป็นยาในกลุ่มยาบรรเทาอาการคัดจมูก และยาที่ออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว Ephedrine เป็นสารในกลุ่มอัลคาลอยด์ ในอดีตมีการใช้ในตำรับยาแก้คัดจมูกและยาขยายหลอดลม กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ กระตุ้นตัวรับอะดรีเนอร์จิกได้ทั้งชนิดอัลฟ่าและบีต้า เพิ่มการทำงานของนอร์อีพิเนปฟรีน เนื่องจากตัวรับไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างอะดรีนาลีน (Adrenaline) นอร์อิพิเนปฟรีน (Norepinephrine) และอีเฟดรีนได้ ทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดลม หลอดเลือดส่วนปลายหดตัว และกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ในปัจจุบัน Ephedrine ไม่เป็นที่นิยมใช้เนื่องจากพบว่ามีอันตรายมากกว่าประโยชน์ที่ผู้ใช้ได้รับ และยังมียาทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยและให้ประสิทธิภาพดีกว่าในการรักษาอาการดังกล่าว
Ephedrine จัดอยู่ในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 ตาม พ.ร.บ. วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ไม่สามารถวางจำหน่ายได้ในร้านขายยา และในปัจจุบัน ประเทศไทยไม่มีทะเบียนตำรับยาที่มี Ephedrine เป็นส่วนผสมแล้ว
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ในอดีตมีการใช้ Ephedrine ในรูปแบบดังต่อไปนี้
- มีการใช้ Ephedrine ทั้งในรูปเกลือ Ephedrine hydrochloride และ Ephedrine sulfate
- รูปแบบยาสำหรับฉีด
- รูปแบบยาสำหรับรับประทาน
- รูปแบบยาสำหรับใช้ทางจมูก
ข้อบ่งใช้ของยา Ephedrine
โรคและภาวะที่เป็นข้อบ่งใช้ของยานี้ ได้แก่
- ภาวะความดันโลหิตต่ำในระหว่างการผ่าตัด เมื่อให้ยาระงับความรู้สึกผ่านไขสันหลัง
- ภาวะหลอดลมหดเกร็งเฉียบพลัน และการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
- ภาวะบวมน้ำจากระบบประสาท
- อาการคัดจมูก ไซนัสอักเสบ
ขนาดและวิธีการใช้ยา Ephedrine
Ephedrine มีขนาดและวิธีการใช้ตามข้อบ่งใช้ ดังนี้
- ภาวะความดันโลหิตต่ำในระหว่างการผ่าตัด เมื่อให้ยาระงับความรู้สึกผ่านไขสันหลัง การใช้ยาในรูปแบบยาฉีด
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ขนาด 3-6 มิลลิกรัม ให้ยาผ่านหลอดเลือดดำช้าๆ ทุก 3-4 นาที จนมีการตอบสนองของระดับความดันโลหิต ขนาดยาสูงสุดคือ 30 มิลลิกรัม
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine sulfate ขนาด 25-50 มิลลิกรัม ให้ยาผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือขนาด 5-25 มิลลิกรัม เมื่อให้ยาผ่านหลอดเลือดดำ อาจให้ยาซ้ำจนมีการตอบสนองของระดับความดันโลหิต ขนาดยาสูงสุดคือ 150 มิลลิกรัมต่อวัน
- ขนาดการใช้ยาในเด็ก ขนาด 0.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ให้ยาผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือ ขนาด 0.75 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม วันละสี่ครั้ง ให้ยาผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือหลอดเลือดดำ
- ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ ขนาดการใช้เดียวกันกับผู้ใหญ่
- ภาวะหลอดลมหดเกร็งเฉียบพลัน และการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
- การใช้ยาในรูปแบบยาฉีด
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine sulfate ขนาด 12.5-25 มิลลิกรัม ให้ยาผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เข้ากล้าม หรือเข้าหลอดเลือดดำ อาจให้ยาซ้ำจนมีการตอบสนองของอาการ
- การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ขนาด 15-60 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine sulfate 12.5-25 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุด 150 มิลลิกรัมต่อวัน
- ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 1-5 ปี ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ขนาด 15 มิลลิกรัม วันละสามครั้ง
- ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 6-12 ปี ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ขนาด 30 มิลลิกรัม วันละสามครั้ง
- ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ใช้ขนาดยาเดียวกันกับผู้ใหญ่
- ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ยาในรูป Ephedrine sulfate ใช้ขนาดยาเดียวกันกับผู้ใหญ่
- ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ ยาในรูป Ephedrine hydrochloride และ Ephedrine sulfate ลดขนาดยาลงครึ่งหนึ่งของขนาดที่ใช้ในผู้ใหญ่
- การใช้ยาในรูปแบบยาฉีด
- ภาวะบวมน้ำจากระบบประสาท การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาในรูป Ephedrine hydrochloride ขนาด 30-60 มิลลิกรัม วันละสามครั้ง
- อาการคัดจมูก ไซนัสอักเสบ การใช้ยาในรูปแบบหยอดทางจมูก
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาความเข้มข้น 1 % หยด 1-2 หยดลงในรูจมูกแต่ละข้าง วันละ 4 ครั้ง ใช้ยาต่อเนื่องนานสุด 7 วัน
- ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุ 12-17 ปี ใช้ขนาดยาเดียวกันกับผู้ใหญ่
- ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ ใช้ขนาดยาเดียวกันกับผู้ใหญ่
ข้อควรระวังในการใช้ Ephedrine ได้แก่
- ไม่แนะนำให้ใช้ยารูปแบบหยดทางจมูกในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยต้อหินมุมปิด
- ห้ามใช้ยาในรูปแบบยาหยอดทางจมูกต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
- ห้ามใช้ยาในรูปแบบยาหยอดทางจมูกในผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดจมูก หรือไซนัส
- ห้ามใช้ยานี้ในสตรีให้นมบุตร
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่ได้รับยากลุ่ม MAOI (Mono Amine Oxidase Inhibitor - ยากลุ่มหนึ่งของยารักษาโรคซึมเศร้า) หรือเพิ่งหยุดการใช้ยากลุ่ม MAOI ยังไม่เกิน 2 สัปดาห์ (ยากลุ่ม MAOI ได้แก่ Rasagiline, Selegiline, Isocarboxazid, Phenelzine และ Tranylcypromine)
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มกระตุ้นระบบซิมพาเทติก ยาบีต้าบล็อกเกอร์ และผู้ป่วยดมยาสลบ
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีอาการ Vasomotor (ได้แก่ อาการร้อนวูบวาบ เหงื่ออกมาก ในสตรีหมดประจำเดือน)
- ควระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติโรคลมชัก
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยไตบกพร่อง
- ควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยสูงอายุ และสตรีมีครรภ์
ผลข้างเคียงของการใช้ Ephedrine
- ผลข้างเคียงที่พบได้ มีดังนี้
- ยาในรูปแบบรับประทาน ได้แก่ วิตกกังวล ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ คลื่นไส้
- ยาในรูปแบบยาฉีด ได้แก่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ อ่อนแรง สับสน ซึมเศร้า หายใจลำบาก เหงื่อออกมาก ไม่อยู่นิ่ง หัวใจเต้นเร็ว อาเจียน
- ยาในรูปแบบยาหยอดจมูก ได้แก่ ส่งผลต่อหัวใจ ระบบไหลเวียนโลหิต เสพติดการใช้ยา ปากแห้ง
- ผลข้างเคียงที่รุนแรง ได้แก่ หลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย อาการชัก ผลข้างเคียงต่อระบบประสาท กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ นิ่วในไต
ข้อควรทราบอื่นๆของยา Ephedrine
- ยาถูกจัดอยู่ในกลุ่ม category C ตามดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ (Pregnancy Safety Index) ควรใช้ยานี้เฉพาะเมื่อแพทย์มีความเห็นว่า ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากยามากกว่าความเสี่ยงรุนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์
- ในผู้ป่วยสตรีมีครรภ์ ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ทั้ง 3 รูปแบบ โดยเฉพาะยาในรูปแบบยาฉีด เนื่องจากยามีความเสี่ยงเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจจนเสียชีวิตได้
- การใช้ยาในรูปแบบยาฉีด ควรมีการติดตามระดับความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจ
- การใช้ยาในรูปแบบยาฉีด ห้ามใช้ร่วมกับยากลุ่มเกลือประจุลบ และการให้ยาผ่าน Y-site ห้ามให้ร่วมกับ Thiopental
- การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน สามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
- การใช้ยาในรูปแบบยาหยอดจมูก ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 7 วัน
- ยานี้แนะนำให้เก็บรักษาที่อุณหภูมิไม่เกิน 20-25 องศาเซลเซียส เก็บให้พ้นจากแสง และความชื้น