June 10, 2018 11:17
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
โดยปกติร่างกายคนเราจะรับรู้อาการปวด จากตัวรับรู้ความเจ็บปวด หรือ Pain receptor
ซึ่งตัวรับรู้ความเจ็บปวดก็จะไปอยู่ที่อวัยวะต่างๆตามร่างกาย เช่นผิวหนัง อวัยวะภายในต่างๆ หลอดเลือดเป็นต้น
อาการปวดศรีษะก็เกิดจากสาเหตุเดียวกัน แต่ที่เกิดบริเวณศรีษะ หรืออวัยวะภายในศรีษะค่ะ โดยแบ่งสาเหตุการปวดศรีษะได้ 2 อย่างคือ
1.อาการปวดศรีษะที่เกิดจากอวัยวะที่มีตัวรับความรู้สึกเจ็บปวดทำงานมากเกินไปโดยที่ไม่ได้เกิดจากโรคประจำตัวของคนไข้ และอาจจะเกิดจากสารสื่อประสาทไม่สมดุลย์
และทำให้เส้นประสาทและเส้นเลือดนอกสมองมีการกระตุ้นให้เกิดอาการปวด หรือเรียกภาษาอังกฤษว่า Primary headache
2.อาการปวดศรีษะที่มีต้นเหตุจากโรคอะไรก็ตามที่มากระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดมากขึ้น หรือเรียกว่า Secondary headache
โดยในกลุ่มของ Primary headache โรคที่พบได้บ่อย ได้แก่
1.โรคไมเกรน (migrain) โรคชนิดหนึ่งซึ่งยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่น่าเชื่อได้ว่าอาจมีจุดกำเนิดจากก้านสมองที่ทำงานผิดปกติ
หรือเกิดจากภาวะที่สารเคมีในสมองไม่สมดุล ส่งผลให้หลอดเลือดมีความไวต่อการกระตุ้นมากเป็นพิเศษกล่าวคือ มีการหด และขยายตัวของหลอดเลือดอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศรีษะได้
โดยลักษณะอาการปวดศรีษะจะมีลักษณะ ปวดบริเวณขมับโดยอาจจะปวดข้างเดียว หรือทั้งสองข้างก็ได้ บางกรณีอาจมีการปวดวนกันไป และมักจะปวดข้างเดิมอยู่ซ้ำ ๆ
ส่วนอีกบริเวณหนึ่งที่พบมาก ได้แก่ บริเวณเบ้าตา ลักษณะของการปวด ก็มักจะปวดตุ้บๆ ตามจังหวะของชีพจร ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
การรักษาโดยการกินยาลดอาการปวด การกินยาป้องกันไม่ให้หลอดเลือดหดและขยายตัวซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเกิดขึ้น
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคกำเริบซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เช่นความเครียด บางคนเจออาการร้อนหรือที่ๆแสงสว่างมากๆก็กระตุ้นได้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดืมที่มีคาเฟอีน
2.Tension headache เป็นการปวดศรีษะชนิดหนึ่ง ที่พบได้บ่อยที่สุด วินิจฉัยโดยอาศัยลักษณะ อาการปวดโดยมักจะปวดตื้อๆ บีบๆเริ่มจากบริเวณท้ายทอยร้าวไปขมับ สองข้าง
บางครั้งอาจจะกดเจ็บบริเวณหนังศรีษะร่วมด้วย มักมีสาเหตุเกิดจากความเครียด การทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ
การรักษาคือการให้ยาบรรเทาปวด การลดความเครียด การฝึกยืดกล้ามน้อยคอ และพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ
ในกลุ่มของPrimary headache นั้นเนื่องจากเกิดจากการทำงานของอวัยวะหรือตัวรับรู้ความรู้สึกเองที่ทำงานมากขึ้นกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวด ไม่ได้เกิดจากมีโรคซ่อนอยู่ทำให้ไม่อันตรายมากแต่หากไม่มั่นใจควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ
กลุ่มของ Secondary headache นั้นค่อนข้างอันตรายเนื่องจากมีสาเหตุที่มีโรคซ่อนอยู่ และเกิดการกระตุ้นผ่านตัวรับรู้ความรู้สึกทำให้เกิดอาการปวดศรีษะออกมาได้
โดยอาการที่ต้องระวังที่หากมีอาการเหล่านี้นั้นมักจะต้องคิดถึง secondary headache คือ
1.ปวดมาก ปวดตลอดเวลาไม่มีช่วงที่หายสนิทเลย
2.ปวดจนสะดุ้งตื่น ขึ้นมากลางดึก หลังจากที่หลับไปแล้ว
3.มีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่นชักเกร็งกระตุก คลื่นไส้ มีอาเจียนพุ่ง หนังตาตก แขนขาอ่อนแรงหรือชา **ตามัว เป็นต้น
4.มีไข้
5.มีอุบัติเหตุกระทบกระแทกศรีษะ
5.มีโรคประจำตัวบางอย่างเช่น มะเร็งชนิดต่างๆ โรคเลือด โรคติดเชื้อ HIV เป็นต้น
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ ***เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้เกิดอาจจะต้องนึกถึงโรคจำพวก ติดเชื้อในสมอง หากมีไข้ร่วมด้วย หรือมีเลือดออกในสมอง หรือมะเร็งในสมอง หากมีชักเกร็ง มีแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วยเป็นต้นค่ะ โดยอาการของคนไข้ อาจจะไม่ได้นึกถึงมะเร้งสมองอย่างเดียวก้ได้นะคะ เนื่องจาก จะเห็นได้ว่า โรคปวดศรีษะ มีมากมายหลากหลาย ต้องอาศัยการซักประวัติและการตรวจร่างกายทางระบบระสาทอย่างละเอียดค่ะซึ่งการรักษาก็ขึ้นกับว่าวินิจฉัยเป็นโรคอะไรค่ะ หากไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นนั้นเข้าได้กับอาการที่กล่าวทางด้านต้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจและวินิจฉัยที่ถูกต้องค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หนุมีอาการปวดหัวมากๆมาประมาน2เดือนเเล้วค่ะปวดทุกวันติดต่อกันมีอาการคลื่นไส้อาเจียจตามัวบางครั้งปวดมากๆจนเลือดกำเดาไหลกินยาพาราก้อไม่หายปวดมีโอกาสเสี่ยงเปนเนื้องอกในสมองไหมค่ะไม่เคยไปตรวจเลยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)