พอดีผมไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าจนครบเข็มสุดท้ายเมื่อเดือน เมษายน ที่ผ่านมาเเล้วเคยโดนเเมวข่วนจนเลือดออกอีกครั้งเมื่อประมาณกลางเดือน กรกฏาคม ที่ผ่านมาก็ไปหาหมอ หมอให้ฉีดยากระตุ้น1เข็ม เเล้วพอดีเพื่อวานผมโดนแมวกัดจนเลือดออกที่ขาก็รีบล้างเเผลด้วยน้ำสบู่ เสร็จเเล้วเช็ดให้เเห้งเเล้วทาด้วยแฮลกอฮอล์ วันนี้ต้อนเช้าผมจึงรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลเเล้วพยาบาลที่ซัก ประวัติ-อาการคนไข้ บอกว่าไม่ต้องฉีดหรอกยามันอยู่ได้1ปี ผมจึงสงสัยว่าผมไม่จำเป็นต้องฉีดยาใช่ไหมครับ เเล้วยามันอยู่ได้ 1 ปีจริงเหรอครับ แล้วผมจะเป็นไรไหมครับ ปล. แมวที่กัดเป็นแมวเลี้ยงระบบเปิด เเล้วเคยพาแมวไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าและกันหัดแมวรวมกันเป็น2เข็มเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาครับ

สวัสดีครับ
ตามคำแนะนำการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าขององค์การอนามัยโลกปี 2018 นั้น แนะนำว่าการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้านั้นสามารถทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อพิษสุนัขบ้าได้นาน 3 เดือนโดยไม่ต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นซ้ำครับ (ไม่ใช่ 1 ปี) ถ้าหากเชื่อตามคำแนะนำนี้ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันซ้ำในกรณีที่ฉีดวัคซีนมายังไม่เกิน 3 เดือน

แต่ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการประกาศใช้คำแนะนำการฉีดวัคซีนนี้อย่างเป็นทางการครับ โดยคำแนะนำการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าของสถานเสาวภาสภากาชาดไทยปีพ.ศ.2559 แนะนำว่า ทุกๆครั้งที่ถูกสัตว์กัดหรือข่วนควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้ากระตุ้นภูมิคุ้มกันเสมอ โดย
- ฉีดกระตุ้น 1 เข็ม ถ้าหากฉีดวัคซีนมายังไม่เกิน 6 เดือน
- ฉีดวัคซีนกระตุ้น 2 เข็ม หากฉีดวัคซีนมาแล้วเกิน 6 เดือน

ในปัจจุบันสำหรับประเทศไทยจึงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ครับว่าจะยึดแนวทางการฉีดวัคซีนตามคำแนะนำใด แต่โดยทั่วไปแล้วก็มักจะแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันเอาไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายครับ จนกว่าประเทศไทยจะประกาศใช้แนวทางการฉีดวัคซีนตามองค์การอนามัยโลกอย่างเป็นทางการ

โดยปกติแล้วหลังถูกสุนัขกัดจะแนะนำให้ฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ครับ ถึงแม้เวลาเลยมาถึง 2 วันแล้วก็ยังสามารถฉีดวัคซีนได้อยู่ แต่ควรไปฉีดให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ