สวัสดีค่ะ ดิฉันอายุ 21 ปี พอดีว่าพึ่งเป็นไข้วัดใหญ่พึ่งหายได้ไม่ถึงเดือน และรู้สึกว่า หลังๆมานี้มีอาการหงุดหงิดง่ายมากๆ มีอาการปวดหัวเล็กน้อยปวดแบบตุบๆ รู้สึกสายตาพร่าเล็กน้อยไม่แน่ใจว่าคิดไปเองรึป่าว รู้สึกเหนื่อยๆ ชอบรุ้สึกร้อนที่กระบอกตา ตัวรุมๆบางครั้ง และเวลานอนอยู่พอลุกเร็วๆจะหน้ามืดบ่อย เป็นเพราะความเครียดรึป่าวค่ะเพราะก็รู้สึกว่าช่วงนี้เครียดหลายเรื่องมากๆเลยค่ะ เรื่องการนอนก็นอนก่อนเที่ยงคืนตื่น7-8โมงนะค่ะรุ้สึกนอนเต็มอิ่มก็สดชื่นหลังตื่น แค่กังวลเรื่องที่ปรึกษาค่ะ คุณหมอคิดว่าเกิดจากเครียดเกินไปไหมค่ะ ชอบเล่นโทรศัพท์ที่มืดด้วย จ้องนาน กินอาหารตรงบ้างไม่ตรงบ้าง เป็นเพราะอากาศด้วยรึป่าวค่ะ รบกวนหน่อยนะคะ

การที่จ้องโทรศัพท์นานๆ และอยู่ในที่มืดหรือแส
ไม่เพียงพอ ตาจะต้องเพ่งมาขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักขึ้น จึงทำให้ปวดตาได้
อีกอย่างเวลาเราเล่นโทรศัพท์กันนานๆ มักจะลืมกระพริบตา ทำให้ตาแห้ง และตาพร่าได้ ต้องมีช่วงเวลาพักบ้างและไม่ควรใช้สายตาในที่แสงน้อยๆ
บวกกับความเครียดและเพิ่งหายไข้ด้วยร่างกายอาจจะยังไม่ฟื้นตัวดีเท่าเดิมก็เป็นได้ค่ะ ส่วนอาการที่ลุกเร็วๆแล้วหน้ามืดนั้น เกิดจากการที่ความดันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือ พักผ่อนน้อย มีน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือความผิดปกติอื่นๆเช่นหัวใจทำงานผิดปกติหากเป็นบ่อยๆ พักแล้วไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายค่ะ

การปวดหัวเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ
- เกิดจากการเพ่งนานๆทำให้กล้ามเนื้อตาล้า
อาจจะลามไปท้ายทอยได้
- ความเครียดจากการเรียนหรือทำงาน
ตำแหน่งมักไม่แน่นอนแต่มักเกิดบริเวณขมับและหน้าผาก
- ไมเกรน มักจะปวดข้างเดียว คลื่นไส้ อาเจียน หงุดหงิด อาจจะมีตาพร่าชั่วครู่ได้
- โรคทางสมอง เช่นเนื้องอก เคยได้รับอุบัติเหตุ
- ไซนัส หูน้ำหนวก
- ความดันโลหิตสูง
- ฟันผุ
เป็นต้น
ลองสังเกตอาการดูค่ะ หากนอนพักหรือลดความเครียดแล้วไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

เพิ่มเติมนะคะ ความเครียดอาจส่งผลต่อระบบภูมิต้านทานโรคของร่างกาย หากมีความเครียดหลังจากฟื้นจากอาการไม่สบาย ก็อาจทำให้สภาพร่างกายอ่อนแอลง ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น หรืออาจทำให้โรคประจำตัวที่เคยเป็นอยู่กำเริบซ้ำได้ค่ะ ดังนั้นหลังจากฟื้นตัวจากอาการไม่สบาย ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ผ่อนคลายจิตใจ ไม่หักโหมหรือหมุกมุ่นในการทำงานหรือใช้สมาร์ทโฟนจนมากเกินไป ค่ะ