March 24, 2018 21:16
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
กรณีผู้ป่วยมีอาการแขนขาทั้งซีกไม่มีแรง หรือไม่มีความรู้สึกหรือชา มีอาการหน้าเบี้ยวปากเบี้ยว อาการพูดไม่ชัดลิ้นแข็ง มีน้ำลายไหลออกจากมุมปากโดยไม่รู้ตัว อาจบ่งบอกว่าผู้ป่วยมีความผิดในสมองหรือระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งการวินิจฉัย นั้นต้องใช้ประวัติ ตรวจร่างกาย และการทำ x-ray คอมพิวเตอร์ สมองเพื่อดูว่าความผิดปกติในสมองนั้นเกิดจากอะไร หากเป็นเส้นเลือดสมองตีบ หากอาการเกิดเร็วและไปโรงพยาบาลภายใน 4 ชั่วโมงนับตั้งแต่เกิดอาการ การรักษาอาจให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ หากไม่มีข้อห้ามในการให้เช่น มีความผิดปกติในเรื่องของการแข็งตัวของเลือด เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ภายใน 3 อาทิตย์ หรือได้รับอุบัติเหตุทางสมอง หรือเคยมีเลือดออกในสมองมาก่อนเป็นต้น การให้ยาละลายลิ่มเลือดก็จะทำให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองส่วนที่ขาดเลือดได้ โอกาสที่จะฟื้นตัวได้ก็มากขึ้น
ในกรณี ที่อาการเป็นมามากกว่า 4 ชั่วโมงจะไม่แนะนำให้ยาละลายลิ่มเลือด เนื่องจากจะทำให้มีโอกาสเลือดออกในสมองได้มากกว่าเปิดเพียงหลอดเลือดที่อุดตันอย่างเดียว การรักษาจะเป็นการให้ยาต้านเกร็ดเลือด(ตัวอย่างเช่น aspirin เป็นต้น)กินเพื่อป้องกันไม่ให้มีการอุดตันมากขึ้น และให้สารน้ำหรือน้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ เพื่อให้มีการไหลเวียนของเลือดไปป้องกันให้สมองไม่ขาดเลือดเพิ่มมากขึ้นคะ และเฝ้าดูอาการว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆจากการเป็นเส้นเลือดสมองตีบเกิด ขึ้น และทำกายภาพบำบัด ซึ่งอาการของผู้ป่วยมักจะดีขึ้นเร็วภายในอาทิตย์แรกๆ และหลังจากนั้น อาการจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ ภายใน 6-1 ปี ทั้งนี้ทั้งนั้นการรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบที่ได้กล่าวไปนั้น เป็นกรณีทั่วไปเท่านั้น ซึ่งอาจะไม่ใช่การรักษาในคนไข้บางกลุ่ม ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรไปโรงพยาบาลเพื่อปรึกษากับแพทย์ที่โรงพยาบาลในเรื่องของการรักษาผู้ป่วยเป็นรายๆไปคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
วิทีรักษา เส็้นเลือดตีบในสหมอง แขน,ขา ข้างช้ายไมมีควานรู้สิก(ล่อย)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)