คุณหมอค่ะ  ถ้ามีเพศสัมพันธ์วันที่ 6 มิ.ยตอนกลางคืน และวันที่7 ได้กินยาคุมฉุกเฉินไป วันที่12-15 มีอาการแบบประจำเดือนมาแบบเต็มเหมือนปกติ และวันที่16 ได้มีเพศสัมพันธ์อีกครั้งนึง โดยไม่ได้ป้องกันแต่มีการหลังน้ำอสุจิข้างนอกค่ะ และวันที่28ที่ผ่านมามีอาการแบบประจำเดือนมาแต่เป็นสีน้ำตาลเหมือนและวันที่29ก็เป็นสีแดงปกติ แต่มาไม่มาก 30 ก็ยังมาเล็กน้อยค่ะ วันนี้วันที่1มาเล็กน้อยแบบพอเปื้อนผ้าอนามัย ตอนประจำเดือนมาวันที่ 29 20 นึกว่าเป็นปกติแล้วจึงกินยาคุมเดือนแบบ 28 เม็ดไป กินได้เพียง2 วันอยู่ค่ะ คือวันที่ 29,30 แบบนี้มีโอกาศท้องไหมค่ะ

สวัสดีครับ
จากเหตุการณ์ที่เล่ามานั้นหมอคิดว่ายังมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้อยู่พอสมควรครับ

การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีการป้องกันแต่ได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปนั้นจะยังมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ประมาณ 15-25% ในขณะที่การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกเองก็อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ และจากลักษณะเลือดที่ออกมาตามที่เล่ามาก็ยังดูไม่สามารถมั่นใจได้มากว่าจะใช่ประจำเดือนหรือไม่

ดังนั้นในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันโดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ดูก่อนถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็สามารถรับประทานยาคุมต่อไปจนหมดแผงได้ครับ แต่ถ้าหากตรวจแล้วพบการตั้งครรภ์ก็ควรหยุดรับประทานยาคุมในทันที

ส่วนการรับประทานยาคุมในตอนนี้หมอก็แนะนำให้รับประทานยาคุมต่อเนื่องไปวันละ 1 เม็ดตามปกติก่อน และหมอก็แนะนำว่าควรรับประทานยาคุมติดต่อกันให้ได้อย่างน้อย 7 วันก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ครั้งต่อไปเพื่อให้ยาคุมออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ก่อนครับ ยกเว้นแต่ว่าถ้าตรวจการตั้งครรภ์แล้วพบว่ามีการตั้งครรภ์ก็ให้หยุดรับประทานยาคุมตามที่หมอได้แนะนำไปก่อนหน้านี้ครับ

ถ้าเลือดที่ออกมาในวันที่ 12 - 15 มิถุนายนเป็นประจำเดือนจริง ๆ ไม่ใช่เลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน ก็ถือว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 6 มิถุนายนไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้วนะคะ ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 16 มิถุนายนจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ตามผลป้องกันของวิธีหลั่งนอกค่ะ

แต่ถ้าเลือดที่ออกมาในวันที่ 12 - 15 มิถุนายนไม่ใช่ประจำเดือน แต่เป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน ก็ถือว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 6 มิถุนายนมีโอกาสตั้งครรภ์อย่างน้อย 15% ตามผลป้องกันของยาคุมฉุกเฉิน และการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 16 มิถุนายนจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ตามผลป้องกันของวิธีหลั่งนอก

ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่ออกมาในปัจจุบัน เนื่องจากเกิดขึ้นก่อนที่จะรับประทานยาคุมรายเดือน (เนื่องจากผู้ถามให้ข้อมูลว่า "วันที่ 28 ที่ผ่านมามีอาการแบบประจำเดือนมา แต่เป็นสีน้ำตาล" และ "กินยาคุมแบบ 28 เม็ดได้เพียง 2 วัน คือวันที่ 29, 30") จึงไม่น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมรายเดือนนะคะ แต่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดค่ะ

ดังนั้น แนะนำว่า...

1. หากต้องการทราบแน่ชัดว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันพรุ่งนี้นะคะ โดยใช้ปัสสาวะแรกของวัน

หากใช้ชุดทดสอบถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก และตรวจในเวลาที่เหมาะสมตามที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ

2. เนื่องจากผู้ถามน่าจะใช้ยาคุมรายเดือนไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ดังนั้น หากยาคุมแบบ 28 เม็ดที่ใช้อยู่เป็น "ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม" (ก็คือ ไม่ใช่ยาคุมสูตรหญิงให้นมบุตร) ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย ไปจนกว่าจะรับประทานยาคุมติดต่อกันครบ 7 วันนะคะ

ซึ่งหากไม่มีการตั้งครรภ์ ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ของแผง โดยมักจะมาหลังใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ

3. หากกังวลใจเกี่ยวกับเลือดกะปริบกะปรอยที่พบล่าสุด โดยเฉพาะหากมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

ถ้าหากเริ่มรับประทานยาคุมแบบรายเดือนชนิด 28 เม็ดไปแล้ว ประจำเดือนก็ควรจะมาอีกครั้งในช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้งของแผงยาคุมซึ่งก็จะตรงกับช่วงที่รับประทานยา 4-7 เม็ดสุดท้ายของแผงขึ้นอยู่กับยี่ห้อของยาคุมครับ

แต่ถ้าหากรับประทานยาคุมจนหมดแผงแล้วประจำเดือนยังไม่มาก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูอีกครั้งโดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่จะเริ่มรับประทานยาคุมแผงใหม่ ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็สามารถรับประทานยาคุมแผงต่อไปตามปกติได้ครับ