ลูกชายตอนนี้อายุ7ขวบค่ะแต่เป็นเด็กทีเรียนรู้ได้ช้าเช่นการนับเลขจาก1-10ให้นับสักพักก็จะลืมบางครั้งใช้ให้ไปหยิบของทั้งๆทีของอยู่ตรงหน้าแต่ก้จะถ้าว่าอะไรทำให้น้องมีปัญหาในการเรียนและต้องซ้ำชั้นเรียนเพาะคุณครูทีรรบอกว่าน้องเรียนรู้ช้าให้พาน้องมาตรวจวันไอคิวแต่ไม่รู้จะไปทีโรงพยาบาลไหนหรือคลีนิคไหนจึงรบกวนขอคำแนะนำกับคุณหมอด้วยค่ะสงสารน้องค่ะอยากให้น้องเรียนหนังสือสนุกและรักอยากทีจะไปโรงเรียนค่ะ

อาการที่ว่า เป็นได้หลายอย่างค่ะ เช่น โรคปัญหาทางการเรียน (learning disorder) , ปัญหาสมาธิสั้น , หรือเป็นเด็กปกติที่ถูกรบกวนได้ง่าย, ปัญหาพัฒนาการล่าช้า, ออทิสซึม เป็นต้น เบื้อต้นแนะนำให้คุณแม่ไปตรวจกับคุณหมอพัฒนาการเด็กค่ะ โดยคุณแม่จะไปตามรพที่มีสิทธิ์ก่อน แล้วถ้ารพ นั้นไม่มีคุณหมอพัฒนาการ จึงส่งตัวไปรพใหญ่ๆ หรือ รพ เอกชนใหญ่ๆ หรือ รพ รัฐบาลใหญ่ๆ ก็จะมีคุณหมอพัฒนาการอยู่ค่ะ คุณแม่ไปปรึกษาได้นะคะ หมอเป็นกำลังใจให้นะคะ

การเรียนรู้ช้า ซ้ำชั้น โดยมากมักเกิดจากปัญหาระดับไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์ค่ะ หากคุรครูแนะนำคุณแม่มาเช่นนี้ หมายความว่าที่โรงเรียนอาจมีการคัดกรองด้วยแบบประเมินปัญหาทางการเรียน4โรคแล้ว ดังนั้นสิ่งที่คุรแม่ต้องทำคือ
1.พาน้องไปพบจิตแพทย์ พบนักจิตวิทยาคลินิก ตรวจระดับไอคิว ตรวจพัฒนาการ รวมทั้งตรวจโรคแอลดี ค่ะ
2.หากระดับไอคิวของน้องต่ำกว่า 90 ถือว่ามีปัญหาในการคิดและเรียนรู้ได้ช้ากว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน ซึ่งจะต้องดูว่าอายุสมองของน้องเท่ากับเด็กกี่ขวบ ช้าไปประมาณเท่าไหร
3.นำผลการตรวจไปให้คุรครู เพื่อที่จะวางแผนจัดทำแผนการเรียนรายบุคคลตามสภาพปัญหา หรือพัฒนาจุดด้อยที่เด็กมีค่ะ

ปัจจุบัน รพ.ประจำจังหวัดทุกจังหวัดจะมีจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิกค่ะ บางจังหวัดที่เป็นจังหวัดใหญ่ๆ ใน รพ.ประจำอำเภอก็มีนักจิตวิทยาคลินิกนะคะ

คุณแม่สามารถไปพบคุณหมอพัฒนาการเด็กใกล้บ้านได้เลยนะคะ ท่านจะเชี่ยวชาญด้านการประเมินเด็กค่ะ เพราะสำหรับน้อง หมอคิดว่าจะต้องประเมินหลายอย่างค่ะ อย่างในด้านสมาธิก็สำคัญค่ะ บางทีเค้าอาจจะมีไอคิวที่ดีถึงฉลาดได้ แต่ถ้าขาดสมาธิ เด็กอาจจะแสดงอาการเหมือนเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจได้ค่ะ หรือถ้าน้องมีปัญหาด้านการเรียน ( Learning disorder) IQ น้องจะปกติได้เลยค่ะ ยกเว้นวิชาที่เค้าไม่ถนัดเท่านั้น ซึ่งน้องควรไปทำ achievement teSt ต่อเพื่อยืนยันการวินิจฉัย ดังนั่น การพาน้องไปประเมินเพื่อการวินิจฉัย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อวาวแผนการรักษาค่ะ

คือถ้าน้องร่างกายปกติ พูดได้ สื่อความหมายรู้เรื่อง ก็แนะนำให้ตรงไปจิตเวชได้เลยค่ะ ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ด้านพัฒนาการเนื่องจากจะทำให้เสียเวลาในแต่ละขั้นตอน และอีกอย่างคลินิกจิตเวชของทุกโรงพยาบาลจะมีการตรวจพัฒนาการอย่างรอบด้านให้ก่อนอยู่แล้วค่ะ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นอยากให้คุณแม่คำนึงถึงเรื่องสิทธิ์ของการรักษาที่น้องมี อาจจะเข้ารับบริการใน รพ.ตามสิทธิ์ก่อนก็ได้ค่ะ และหากคุณหมอลงความเห็นว่าจำเป็นจะต้องตรวจไอคิว หรือคัดกรองสมาธิสั้น คุณหมอจะทำการส่งปรึกษาแผนกจิตเวช หรือ ส่งไปยัง รพ.ที่มีจิตแพทย์และนักจิตวิทยาค่ะ และขอชี้แจงในคุณแม่ทราบว่าคนเรามีระดับไอคิวที่แตกต่างกัน แต่ละคนอาจไม่สามารถเรียนรู้ได้เช่นคนอื่นๆ แต่เขาอาจเรียนรู้ได้ดีด้วยวิธีที่เฉพาะตัวของเขา ดังนั้นการจัดแผนการเรียนแบบ IEP หรือแผนเฉพาะรายจะช่วยให้เขาเรียนรู้ในแบบที่เขาเข้าใจได้ซึ่งเป็นการพัฒนาเด็กโดยการพัฒนาจุดเด่นของเขาออกมา สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดปมด้อย และสร้างคุณค่าในตัวเองให้เด็ก และเขาสามารถพัฒนาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพตามศักยภาพที่เขามีได้ค่ะ
ดิฉันเคยให้คำปรึกษาแก่คุณแม่หลายท่านเกี่ยวกับระดับไอคิวของเด็กแต่ละคน โดยเปรียบเทียบให้ฟังว่า สมมุติลูกของเราเก่งเรื่องการว่ายน้ำ แต่แม่พยายามผลักดันให้เขาปีนต้นไม้ เด็กก็ทำไม่ได้ เกิดเป็นปมด้อยตามมา โตมาก็ไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่มีอยู่ได้ ก็อย่างที่นักปราญช์หลายท่านเคยบอกไว่ว่า อย่าพยายามสอนปลาให้ปีนต้นไม้ นั่นแหละค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณแม่นะคะ

ทั้งคุณหมอเด็กพัฒนาการและคุณหมอจิตเวชเด็ก มีระบบทำงานร่วมกันอยู่แล้วค่ะ ดังนั้นสามารถพบได้ทั้งสองหน่วยนะคะ ให้ยึดเอาความสะดวกสบาย และประโยชน์น้องเป็นหลักได้เลยค่ะ