September 01, 2018 09:45
ตอบโดย
พิชญาพร กูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
โรคปากมดลูกอักเสบ (cervicitis) มีทั้งแบบติดเชื้อ และไม่ติดเชื้อค่ะ
แบบไม่ติดเชื้อมักจะเกิดจาก การมีการบาดเจ็บบริเวณปากมดลูกอันได้แก่ การใส่ผ้าอนามันแบบสอด การใช้cervical cap การใส่อุปกรณ์พยุงอวัยวะอุ้งเชิงกราน การฉายรังสี การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง การสวนล้างค่ะ
สำหรับแบบติดเชื้อ มักเกี่ยวข้องกับเชื้อเริม เชื้อหนองใน เชื้อปรสิต
ในกรณีของผู้ป่วย คาดว่าจากการตรวจเห็นบริเวณปากมดลูก อาจจะเห็นภาวะอักเสบที่ไม่ได้รุนแรง จึงไม่ได้ให้ยา หรือการให้ยารักษาเริม ก็อาจครอบคลุมรวมไปกับการรักษาปากมดลูกอักเสบนี้ได้ หากแพทย์คิดถึงว่าเป็นสาเหตุเดียวกันค่ะ
การตรวจติดตามเพื่อ pap smear อีกครั้ง จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
ทั้งนี้ การสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ควรทำค่ะ นอกจากจะช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ดีอีกด้วยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน 10 วันหนูมีปัสสาวะแสบขัดเลยไปหาหมอปรากฏว่าเป็นเริมที่อวัยวะเพศ(เป็นครั้งแรก) หลังหายจากเริมหนูเป็นติ่งเนื้อใกล้ทวารหมอเอาชิ้นเนื้อไปตรวจปรากฏว่าเป็นskin tagธรรมดา และหนู ตรวจมะเร็งปากมดลูก(pap smear) ปรากฎว่า หนูไม่พบเชื้อมะเร็ง แต่ปากมดลูกอักเสบและนัดหนูมาตรวจpapอีกครังหกเดือนข้างหน้า ขอรบกวนสอบถามข้อมูลต่อไปนี้ค่ะ - ปากมดลูกอักเสบเกิดจากการที่หนูไม่ได้ป้องกันตอนมีsexใช่ไหมคะ และคุณหมอไม่ได้ให้หนูทานยาอะไรเลย แค่นัดตรวจpapอีกครัง อย่างนี้หนูจะหายไหมคะ หนูควรปฏิบัติตัวอย่างไร - หลังจากนี้เวลามีsex ถ้าหนูป้องกันตลอด ปากมดลูกจะอักเสบอีกไหม (ปกติหนูเป็นคนมีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อย ช่องคลอดค่อนข้างเล็ก หลังเวลามีจะมีอาการเจ็บช่องคลอดแต่ไม่มีเลือดออก นี่คือปกติไหมคะ)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)