สวัสดีค่ะ ถ้าประจำเดือนวันแรกของรอบที่แล้ววันที่ 29 พ.ค. แล้ววันที่ 12 มิ.ย. กินยาคุมฉุกเฉินไป แล้ววันที่ 18 มิ.ย. ประจำเดือนก็มาอีกรอบ ต่อมาวันที่23 มิ.ย. ได้มีเพศสัมพันธ์ เพราะคิดว่าประจำเดือนหมดแล้วค่ะ แต่วันต่อมาก็ปรากฎว่าประจำเดือนมามากขึ้น จนถึงวันนี้เป็นวันที่10ที่มีประจำเดือนแล้วก็ยังไม่หมด แถมมากขึ้นด้วย อยากถามว่าอาการที่เกิดที่แระจำเดือนมาแปลกๆแบบนี้เป็นเพียงแค่ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินหรือว่าเป็นความผิดปกติคะ แล้วจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจหรือไม่

ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน มักจะเป็นลักษณะหยดเลือดซึม หรือเลือดออกกะปริบกะปรอยค่ะ และมักพบภายใน 7 วันหลังรับประทานยา (แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับทุกคนหรือทุกครั้งที่ใช้) ซึ่งหากเลือดที่ออกในวันที่ 18 มิถุนายน มีลักษณะดังกล่าว ก็น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาค่ะ

แต่ถ้าเลือดที่ออกในวันที่ 18 มิถุนายน มีมากและมาต่อเนื่องหลายวัน แล้วยังมีประจำเดือนมาอีกครั้งในช่วงที่คาดว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบ ก็ถือว่าไม่ปกติที่จะมีประจำเดือนมาหลายครั้งใน 1 เดือน

หรือในกรณีที่เลือดที่ออกในวันที่ 18 เป็นเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินก็ตาม แต่การที่ประจำเดือนมานานมากกว่า 7 วันก็ถือว่าไม่ปกติเช่นเดียวกันค่ะ

เพื่อไม่ให้มีการเสียเลือดมากเกินไปจนเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซีด แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

1. หากเลือดที่ออกมาไม่มีทีท่าจะหยุดเลย ควรไปพบสูตินรีแพทย์โดยเร็วค่ะ เพื่อไม่ให้มีการเสียเลือดมากเกินไป

2. นับจากรอบล่าสุด คือวันแรกที่ประจำเดือนมาในครั้งนี้ค่ะ (ประมาณ 10 วันก่อน) แต่ในกรณีที่ต้องการดูภาพรวมว่าประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอหรือไม่ ควรดูติดต่อกันอย่างน้อย 3 - 6 เดือนนะคะ

ยาจะไปปรับเยื่อบุมดลูกไม่ให้มีการหลุดลอกที่ผิดปกติ ดังนั้น เมื่อใช้ไประยะหนึ่งเลือดก็จะหยุดไหลนะคะ และประจำเดือนรอบหน้า ก็จะมาหลังใช้ Primolute-N หมดไปแล้ว 2 - 3 วันค่ะ (หรืออย่างช้าไม่เกิน 5 - 7 วัน) ซึ่งถือเป็นการปรับรอบประจำเดือนใหม่ไปเลยค่ะ

หากการรักษาเบื้องต้นไม่ได้ผลดี ควรไปพบคุณหมออีกเพื่อพิจารณาการรักษาในขั้นตอนต่อไปนะคะ

ควรรอดูไปก่อนนะคะ หากเป็นประจำเดือนปกติ ทั้งปริมาณ (ใช้ผ้าอนามัย 1 - 3 แผ่น/วัน), ทั้งระยะเวลา (2 - 7 วัน) และไม่มีเลือดออกกะปริบกะปรอยอีก ก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี แพทย์อาจนัดเพื่อรักษาต่อเนื่องไปสักระยะหนึ่ง ดังนั้น ให้ลองทบทวนว่าคุณหมอแนะนำไว้อย่างไรนะคะ หากไม่มั่นใจ แนะนำให้โทรศัพท์ไปสอบถามโดยตรงกับคุณหมอผู้รักษา เพื่อความชัดเจนว่าจำเป็นต้องไปตรวจติดตามผลหรือรักษาต่อเนื่องหรือเปล่านะคะ