August 22, 2018 18:18
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
มีตรวจสามอย่างครับ
Anti HIV Negative คือยังไม่พบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อHIV แปลผลได้ว่า ยังไม่มีการติดเชื้อ หรือ ติดเชื้อเเล้วเเต่อยู่ในระยะฟักตัว (รอประมาณ1เดือนตรวจซ้ำ หรือ ตรวจNAAT จะตรวจจากตัวเชื้อเลยไม่ต้องรอ1เดือน) ถ้าไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยงก็ไม่ต้องกังวลครับ
Treponemal test เป็นการตรวจหาการติดเชื้อซิฟิลิส ผล Negative คือไม่พบการติดเชื้อครับ
ส่วนHBsAg เป็นการตรวจเรื่องไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งPositive ต้องแปลผลร่วมกับผลเลือดอื่นเเละอาการคนไข้ครับ
อธิบายคือ
สําหรับโรคตับอักเสบบีนี้ภาษาหมอ เรียกว่า Hepatitis B เขียนย่อว่า HB ทีนี้ตัวร่างกาย
ของเชื้อไวรัสบีนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆคือส่วนเปลือก (surface) ของมัน ซึ่งเขียนย่อ
ว่า s กับส่วนแกน (core) ของมัน ซึ่งเขียนย่อว่า c นอกจากนี้ร่างกายของไวรัสอาจมีชิ้น
ส่วนของยีนส่วนหนึ่งซึ่งเขียนย่อว่า e ซึ่งจะออกมาเฉพาะช่วงที่ไวรัสกําลังแอคทีฟมีการแบ่ง
ตัวมาก
เพื่อความสั้น ทางการแพทย์นิยมเอาคําย่อมาต่อๆกัน จึงสมควรทําความคุ้นเคยกับตัวย่อ
ในเรื่องนี้ก่อน ได้แก่
HBsAg หมายถึงเปลือกของเชื้อไวรัส
HBsAb หมายถึงภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นต่อต้านเปลือกของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี.
กรณีคนไข้ให้ผลบวก ต้องตรวจผลเลือดอื่นเพิ่มครับ เช่น HBsAb
ถ้า HBsAg ได้ผลบวก แต่ HBsAb ได้ผลลบ อันนี้ก็คือเรามีเชื้อไวรัสอยู่ในตัว
ถ้าไม่มีอาการอะไรก็หมายความว่าร่างกายเรายอมเป็นพาหะให้เชื้อโรคนี้อยู่อาศัยโดยดี ซึ่งกรณีคนไข้น่าจะเป็นกรณีนี้ถ้าไม่มีอาการอะไร ซึ่งเราอาจเอาเชื้อนี้ไปแพร่ให้ใครต่อใครก็ได้ กรณีเช่นนี้ก็ต้องให้คนใกล้ชิดเช่นคู่สมรสและลูกเต้าไป
ตรวจดูสภาวะภูมิคุ้มกัน ถ้าไม่มีภูมิก็ควรให้พวกเขาฉีดวัคซีนเสียให้หมด ส่วนตัวเราเองก็ควรไปหาหมอโรคตับ เพราะสมัยนี้มียาฆ่าเชื้อในคนที่เป็นพาหะได้
ถ้า HBsAg ได้ผลบวก ขณะที่ HBsAb อาจได้ผลบวกหรือลบ โดยที่มีอาการป่วยอยู่ด้วยแสดงว่าเรากําลังติดเชื้อและร่างกายก็กําลังสู้กับเชื้ออยู่ ก็ต้องรีบไปหาหมอโรคตับ
เพื่อรักษาโรคตับอักเสบ
ถ้าลึกๆ ยังมีทั้งแอนตี้บอดี้และ
แอนติเจนชนิดอื่นๆนอกเหนือจาก HBsAg และ HBsAb กล่าวคือ
HBcAg หมายถึงส่วนแกนของตัวเชื้อไวรัส
HBeAg หมายถึงชิ้นส่วนของยีนของไวรัสซึ่งมักตรวจพบในร่างกายในช่วงที่ไวรัสกําลังแบ่ง
ตัว แสดงว่าโรคกําลังเป็นขาขึ้นหรือแอคทีฟอยู่
HBV-DNA หมายถึงตัวดีเอ็นเอ.หรือยีนต้นกําเนิดของไวรัสบี.เลย ซึ่งถ้าตรวจพบก็เป็นตัว
บอกที่แน่นอนที่สุดว่าไวรัสกําลังแบ่งตัวอาละวาดอยู่
HBcAb หมายถึงภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นต่อต้านส่วนแกนของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี. ถ้าตรวจพบก็หมายความว่าเราเคยติดเชื้อ คือตัวเชื้อจริงๆมา (ไม่ใช่วัคซีน เพราะวัคซีนคือตัว
เปลือกไวรัส) และร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันไว้แล้ว
HBeAb หมายถึงภูมิคุ้มกันต่อชิ้นส่วน e ของยีนไวรัส ซึ่งหากตรวจพบก็บ่งบอกว่าโรคได้ ผ่านระยะที่ไวรัสแบ่งตัวไปแล้ว เข้าสู่ระยะกําจัดเชื้อไวรัสได้เด็ดขาดแล้ว
เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สรุปแล้วผมเป็นอยู่ หรือ ว่าหายแล้วครับต้องทำยังไงต่อไปเพราะกลัวมาก
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ถ้าไม่มีอาการ คือน่าจะเป็นพาหะครับ( ซึ่งเราอาจเอาเชื้อนี้ไปแพร่ให้ใครต่อใครก็ได้ กรณีเช่นนี้ก็ต้องให้คนใกล้ชิดเช่นคู่สมรสและลูกไป ตรวจดูสภาวะภูมิคุ้มกัน ถ้าไม่มีภูมิก็ควรให้ฉีดวัคซีน ส่วนตัวเราเองก็ควรไปหาหมอโรคตับ เพราะสมัยนี้มียาฆ่าเชื้อในคนที่เป็นพาหะได้) หรือถ้ามีอาการคือร่างกายอาจกำลังมีภาวะตับอักเสบครับ
เบื้องต้นเเนะนำพบเเพทย์อายุรกรรมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
และตอนนี้ผมกำลังทานยาต้านไวรัส pep ผมมีอาการผื่นขึ้นอาเจียนคลืนไส้ เป็นอาการของ ยา หรือ ตับอักเสบคับ และผมต้องทำยังไง คับ หยุด ยาต้านก็ไม่ได้เพราะกลัวติดเชื้อhiv
ช่วยดูผลการตรวจไวรัสตับอักเสบไห้หน่อยคับว่าเป็พาหะหรือไม่ อัตรายมากน้อยเพียงใด เสี่ยงเป็นโรคร้ายไหม และดูแลรักษาตัวเองยังไงเพื่อไห้เชื้อหายไป
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)