สอบถามเรื่องอาการปวดท้องด้านซ้ายแบบเสียวๆ ไม่มีอาการข้างเคียง เช่น ตกขาว สีเลือดปจดปกติ/ มาตรงเวลา เคยไปพบหมอมาแล้ว 2 ที่ ที่แรกจุฬารัตน์9 (ประกันสังคม) ประมาณ 5-6 เดือน หมอตรวจฉี่ และเอ๊กซเรย์กระดูกอุงเชิงกรามไม่พบสิ่งผิดปกติ ไป 2 ครั้ง หมอสรุปไม่ได้เลยเปลี่ยนหมอ ที่สอง พญาไท2 หมอระบุว่าเป็นโรคลำไส้แปรปรวน ให้ยามาหายไปสักพัก แล้วตอนนี้กลับมาเป็นอีก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรค่ะ หรือต้องส่องกล้องเพื่อความแน่ใจค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

อาการปวดท้อง สามารถเป็นได้จากหลายสาเหตุค่ะ ต้องมีการตรวจร่างกาย และซักประวัติเพื่มเติม ตำแหน่งท้องด้านซ้าย ที่สามารถพบได้ และโรคที่พบได้บ่อย เช่น
1. โรคของระบบทางเดินอาหาร เช่น
-ลำไส้อักเสบ ทำให้มีอาการปวดท้องแบบบีบๆ มักจะปวดเป็นพักๆ มีท้องเสียถ่ายเหลว
-โรคกระเปาะลำไส้อักเสบ (Diverticulitis) มักพบในผู้สูงอายุ เกิดจากการที่มีกระเปาะในลำไส้อยู่เดิม (Diverticulosis) จะสามารถตรวจพบได้จากการตรวจเอกซเรย์กลืนแป้ง หรือการส่องลำไส้ใหญ่ เมื่อกระเปาะนี้มีการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียภายในกระเปาะนั้น จึงทำให้มีอาการปวดท้องขึ้นมา อาการมักจะมีไข้ร่วมกับปวดท้อง อาจพบถ่ายมีมูกปนเลือดได้ การรักษาการอักเสบคือการใช้ยาฆ่าเชื้อปฏิชีวนะ ส่วนตัวกระเปาะที่มีอยู่ จะไม่สามารถรักษาได้ เนื่องจากเกิดจากผนังลำไส้เกิดการพองตัวขึ้นเอง

2.อาการของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น
- อาการของโรคนิ่วในท่อไต จะรู้สึกปวดแบบบีบๆที่ท้องบริเวณสีข้าง. และร้าวไปถึงด้านหลัง ปวดแบบเหมือนโดนบีบ บางครั้งพบมีอาการปวดร้าวมาที่ท้องน้อยได้ค่ะ ตรวจปัสสาวะอาจพบมีเม็ดเลือดแดงปนมากับปัสสาวะ หรือเอกซเรย์พบนิ่วได้ การรักษาเบื้องต้น สามารถใช้ยาลดอักเสบแก้ปวดมาบรรเทาอาการก่อนได้
- ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อาจพบมีปัสสาวะแสบขัด หรือขุ่น อาจมีไข้ หรือถ้าติดเชื้อลามไปที่กรวยไต จนเกิดโรคกรวยไตอักเสบ มักจะพบมีไข้สูง และปวดหลังร่วมด้วย สามารถตรวจวินิจฉัยได้จากการตรวจปัสสาวะ การรักษาคือให้ยาฆ่าเชื้อ

3.อาการปวดจากกล้ามเนื้อ
- กล้ามเนื้ออักเสบ มักเกิดจากการที่มีการใช้กล้ามเนื้อผิดท่าทาง เช่น ยกของหนักเกินไป หรือเอี้ยวตัวผิดจังหวะ หรือมีการลากหรือดึงโดยใช้กล้ามเนื้อทางด้านซ้ายมากเกินไป เป็นต้น ลักษณะของการปวดกล้ามเนื้อ จะปวดสัมพันธ์กับท่าทางค่ะ ปกติแล้วสามารถหายได้เอง แต่ถ้าเป็นมาก อาจซื้อยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาลดการอักเสบของกล้ามเนื้อมาใช้ได้

4.หากปวดที่บริเวณท้องน้อย ควรจะต้องตรวจภายในร่วมด้วย เพื่อแยกโรคทางนรีเวช เช่น อุ้งเชินกรานอักเสบ ถุงน้ำรังไข่ เป็นต้นค่ะ

หากอาการเป็นมากขึ้น หรืออาการเป็นซ้ำ แนะนำว่าควรไปโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายเพิ่มเติมค่ะ