August 23, 2017 17:00
ตอบโดย
สารินทร์ สีหมากสุก (นพ.)
สวัสดีครับ ยังไงแนะนำให้ไปพบแพทย์นะครับ เพราะการวินิจฉัยที่ถูกต้อง แพทย์ควรทำการซักประวัติร่วมกับการตรวจร่างกายเอง รวมถึงอาจมีการส่งตรวจพิเศษบางอย่างด้วยครับ เช่น เจาะเลือดดูผลบางอย่าง หรืออาจทำการเจาะน้ำจากข้อมาส่องตรวจดูว่าพบผลึกหรือไม่เป็นต้น และประเมินว่า ข้อมูลดังกล่าวคล้ายกับโรคข้ออักเสบต่างๆ หรือไม่อย่างไรครับ และบางครั้งการเป็นโรคเกาต์ กรดยูริคก็ไม่จำเป็นต้องสูงเสมอไปครับ คนทีมีระดับกรดยูริกสูงจนทําให้เกิดโรคมีเพียงร้อยละ 10-20% กลุ่มผู้ป่วยทีมีอาการเท่านั้นทีจําเป็นต้องได้รับการรักษา ผลเลือดอาจจะปกติได้เช่นเดียวกัน ซึ่งโรคเกาต์นั้น เกิดจากภาวะกรดยูริค ในกระแสเลือดมีค่ามากกว่า 6 mg % มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง มีผลึกยูริคสะสมในข้อ และมักจะเป็นที่ข้อเท้า หัวแม่มือ ข้อเข่า ซึ่งมักจะเป็นที่ข้อต่อใหญ่ๆ ของร่างกาย และส่วนใหญ่ของผู้ป่วยมักเกิดที่นิ้วหัวแม่เท้า ลักษณะอาการจะไม่ปวดตลอดเวลา อยู่ดีๆ ก็ปวดขึ้นมา หรือเคยปวดมาช่วงหนึ่งและหายไปแล้ว หลังจากนั้นกลับมาปวดซ้ำ ซึ่งสามารถรักษาได้ครับ ยาทีใช้รักษามี 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ยาควบคุมอาการข้ออักเสบ เพือป้องกันการกําเริบของข้ออักเสบ ควรให้ในระยะสั้นจนข้ออักเสบหายดี โดยแพทย์จะพิจารณาให้ในขนาดทีเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย เนืองจากอาจมีข้อห้ามในผู้ป่วยบางราย และยาควบคุมระดับกรดยูริกเป็นต้นครับ ดังนั้นแนะนำให้ไปพบแพทย์ก่อนนะครับเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง รวมทั้งควรงดอาหารจำพวก เช่น เครื่องในสัตว์ เหล้า เนื้อสัตว์ ยอดผัก ของหมักดอง แตงกวา และรักษาโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
วิภา สุวรรณชีวะศิริ (พญ.)
อาการของคุณบ่งบอกว่ามีข้ออักเสบค่ะ ซึ่งเก๊าท์ก็มักจะเกิดในข้อของนิ้วเท้า โดยทั่วไปมักจะเกิดในผู้ป่วยที่มียูริคในเลือดสูง แต่ก็พบว่ามีผู้ป่วยที่ยูริคไม่ได้สูและอายุน้อยเป็นเก๊าท์ได้ โดยไ่ทราบสาเหตุค่ะ โรคเก๊าท์เป็นโรคของความผิดปกติของกรดยูริค เกิดผลึกยูริคสะสมอยู่ภายใน และภายนอกข้อ ทำให้เกิดการอักเสบของข้อชนิดเป็น ๆ หาย ๆ โรคนี้พบในอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป ข้อที่พบว่าเกิดโรคบ่อย คือ ข้อนิ้วหัวแม่มือและหัวแม่เท้า ข้อเท้า ข้อนิ้วมือ และข้อมือ สาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบ แต่พบว่าเนื่องจากมีกรดยูริคในเลือดสูง ซึ่งกรดยูริคในร่างกายได้มา 2 ทาง คือ จากอาหาร ได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ ปราซาดีน ขนมปังหวาน ปู กุ้ง หอย ดอกกระหล่ำ เห็ด และผักโขม เป็นต้น และจากร่างกายสร้างขึ้นมาเอง การรักษา คือ รับประทานยาค่ะ เพื่อต้านการอักเสบ และป้องกันการอักเสบของข้อ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค -ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ -เนื้อสัตว์ ปลาซาดิน ขนมปังหวาน ปู กุ้ง หอย -ดอกกระหล่ำ เห็ด หน่อไม้และผักโขม เป็นต้น -ควรควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้อ้วนจนเกินไป ต้องระวังการขาดสารอาหาร และพลังงานพวกคาร์โบไฮเดรต -งดดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพระจะทำให้การขับถ่ายกรดยูริคน้อยลง -ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 2-3 ลิตร/วัน ประมาณ 8-10 แก้ว ช่วยขับถ่ายกรดยูริคและป้องกันการเกิดนิ่วในไต -ควรระวังเรื่องอุบัติเหตุที่จะเกิดแก่ข้อ -ควรเข้าใจโรคเก๊าท์เป็นโรคเรื้อรัง แต่สามารถควบคุมได้ ถ้ารับประทานยาและปฏิบัติตนได้ถูกต้องสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดพิการของข้อ และสามารถใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปได้ค่ะ การจะวินิจฉัยต้อง
อาศัยการซักประวัติการตรวจร่างกายและ การตรวจทางรังสีหรือห้องปฏิบัติการช่วยในการวินิจฉัยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีคับ ผมมีอาการข้อนิ้วเท้าบวมแดงปวดไม่สามารถงอได้ ซึ่งไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ แต่ยุก้อปวดบวดขึ้นมาอาการคล้ายๆโรคเก๊าตามที่อ่านในกะทู้ต่างๆ อยากทราบว่าอาการที่ผมเปนใช่โรคเก๊าไม๊ ล่าสุดผมพึ่งตรวจเลือดมาพบว่ากรดยูริคในร่างกายยุในเกณ์ปกติ แต่ผมป่วยเปนความดันสูง ไมเกรน ไขมันสูง ตอนนี้รับประทานยายุคับ สาเหตุมาจากยาพวกนี้ไม๊คับ รบกวนคุนหมอวินิจฉัยให้ผมหน่อยคับ ขอบคุนคับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)