September 16, 2018 10:09
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
โดยปกติการตรวจหาว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะตรวจทั้งหมดเริ่มแรกสามการทดสอบคือ ตรวจหา HBsAg antiHbs และ antiHbc คะหากมีอาการของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลัน คือมีไข้ ปวดท้อง ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมามีตัวตาเหลือง ส่วนใหญ่จะตรวจพบ HbsAg ให้ผลบวกแต่ antihbc หรือ antihbs ยังตรวจให้ผลลบได้ ต่อมาหากร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันและกำจัดเชื้อได้หมด จะเจาะตรงจไม่พบ hbsag แต่ antihbs จะให้ผลบวกเนื่องจากภูมิคุ้มคะ แต่กรณีที่กำจัดได้ไม่หมด ก็จะยังตรวจพบ Hbsag คะจากการติดเชื้อเฉียบพลัน กลายเป็นติดเชื้อเรื้อรังคะ ซึ่งต้องได้รับหารติดตามการรักษาต่อเนื่องคะ หากไม่แน่ใจในผลเลือดแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อประเมิณผลเลือดอีกครั้งหนึ่งคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หลายปีก่อนผมเคยตรวจไวรัสตับอักเสบบีครับ ผลออกมาบอกว่าได้รับเชื้อ ผมเลยไปตรวจซ้ำอีกทีที่ รพ. ได้รับผลการตรวจว่า มีภูมิแล้ว ซึ่งเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาผมไปตรวจสุขภาพ ด้านเกี่ยวกับตับมาครับ ซึ่งผลออกมาว่า ผมเคยได้รับเชื้อและอาจจะอยู่ในช่วงสร้างภูมิ โดยที่ผลตรวจเป็นตามไฟล์แนบครับ เลยส่งสัยว่า มีโอกาสไหมครับที่คนที่เคยมีภูมิแล้วกลับมามีโอกาสเป็นอีก แล้วผมควรไปตรวจเพิ่มไหมครับ แล้วต้องตรวจหรือรักษาแบบไหนครับผม ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมสังเกตุ ร่างกายอย่างนึงครับ คือปัสสาวะ ค่อนข้างมีกลิ่นครับ ไม่ค่อยปรกติเท่าไร ครับผม
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)