ช่วยตอบหนูด้วยนะคะ เครียดมากจริงๆคะ คือพอดีเมื่อวานตอนเช้า มีเพศสัมพันธ์กับแฟนและแฟนใส่ถุงยาง โดยแฟนสอดใส่ทางด้านทวาร แต่ไม่ได้สอดใส่ทางด้านช่องคลอดค่ะ แต่ตอนที่แฟนเกิดความสำเร็จแล้ว ตอนดึงออกมาหนูหันไปเห็นถุงยางขาด แล้วน้ำอสุจิ เลอะตรงทวารและเลอะตรงช่องคลอดของหนูด้วยค่ะ เลอะหมดเลยค่ะทั้งจิมิเลย แล้วหนูก็รีบไปล้างออก บวกกับประจำเดือนใกล้จะมาแล้วด้วยคะอีกไม่กี่วัน แบบนี้หนูจะต้องกินยาคลุมฉุกเฉินไหม มีโอกาสไหม กังวลมากเลยค่ะ เครียดมากเลย รบกวนตอบหนูด้วยนะคะ แล้วถ้าไม่สบายใจอยากกินจะกินได้ไหมคะเป็นอะไรไหม

โดยปกติหากไม่เกิดการสอดใส่ อวัยวะเพศชายเข้าสู่อวัยวะเพศหญิง โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นน้อยมากๆค่ะ เนื่องจากอสุจิปกติจะ ไม่สามารถวิ่งผ่านจากนอกช่องคลอดเข้าสู่ช่องคลอดได้เอง และนอกช่องคลอดก็จะมีอุณหภูมิ ความเป็นกรดไม่เหมาะสมสำหรับอสุจิ ทำให้อสุจิจะตายค่อนข้างเร็วค่ะ บวกกับหากเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ใกล้กับเวลามีประจำเดือน (ไม่เกิน 7 วันก่อนมีประจำเดือนปกติ) โอกาสตั้งครรภ์ก็จะน้อยลงไปอีกค่ะ แต่หากต้องการความมั่นใจเพิ่มขึ้นหรือกังวลใจค่อนข้างมาก จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินได้ค่ะ หากไม่มีข้อห้ามในการกินเช่น เคยมีอาการแพ้ยาหรือมีการตั้งครรภ์อยู่ค่ะ

ในความเป็นจริงแล้วถ้าน้ำอสุจิไม่ได้เข้าไปในช่องคลอดโดยตรง โอกาสที่จะมีการตั้งครรภ์นั้นเป็นไปได้ยากครับ เพราะการที่อสุจิจะเข้าไปผสมกับไข่ได้อสุจิต้องผ่านช่องคลอดไปที่มดลูก ไปจนถึงท่อนำไข่ครับ ซึ่งนับจากปากช่องคลอดเข้าไปเป็นระยะทางที่ไกลพอสมควร

แต่ถ้าไม่สบายจริงๆการกินยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้าหากระยะเวลาดังกล่าวยังไม่เกิน 72 ชั่วโมงก็สามารถกินยาคุมฉุกเฉินได้ครับ

โดยปกติหากยังไม่เกิน 72 ชั่วโมง นั้นสามารถกินยาคุมฉุกเฉินได้โดย ปกติใน 1 แผงจะมียาคุมสองเม็ด โดยกินครั้งละหนึ่งเม็ดห่างกันเม็ดละ 12 ชั่วโมงค่ะ โดยการกินยาอาจจะมีผลข้างเคียงได้เช่น ประจำเดือนมาผิดปกติ มีเลือดออกจากช่องคลอดกระปริดกระปรอยได้ มีคลื่นไส้อาเจียน หรือมีอาการแพ้ยาได้ค่ะ โดยปกติอาการเหล่านี้จะหายไปได้เองหลังจากหยุดยาคุมฉุกเฉินค่ะ หากกินบ่อยๆอาจจะมีความเสี่ยงทำให้เกิดการท้องนอกมดลูกได้ หรือมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดมะเร็งไข่ได้ค่ะ ดังนั้นทางที่ดีควรหลักเลี่ยวการใช้ยาคุมฉุกเฉินและป้องกันโดยวิธีอื่นแทนค่ะ

ในยาคุมฉุกเฉิน 1 แผงจะมียาอยู่ 2 เม็ดครับ
วิธีกินยาคุมฉุกเฉินคือให้กินเม็ดแรกให้เร็วที่สุด และกินเม็ดที่ 2 ห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง
และไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเกิน 2 ครั้งต่อเดือน

ผลข้างเคียงอาจทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ ประจำเดือนมาช้า/เร็วกว่ากำหนด หรือเลือดออกกระปริดกระปรอยระหว่างรอบเดือนได้ครับ

โดยปกติต้องสอดใส่เข้าทางช่องคลอดค่ะ หากเป็นบริเวณปากช่องคลอดไม่เข้าสู่ช่องคลอดโอกาสการตั้งครรภ์นั้นน้อยมากๆค่ะ ด้วยเหตุผลที่อธิบายไว้ข้างต้นนะคะ

การที่อสุจิจะเข้าไปผสมกับไข่ได้ต้องอาศัยการสอดใส่เข้าไปในช่องคลอดครับ การสอดใส่ที่รูทวารจะไม่ทำให้เกิดการทะลุถึงช่องคลอดแต่อย่างใด

การที่อสุจิเปื้อนอยู่ที่ช่องคลอดภายนอกจึงมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยครับ

ถ้าหากกินเม็ดแรกไปแล้วอาเจียนเป็นเม็ดยาออกมาให้เห็น ควรกินใหม่อีกครั้งครับ แต่ถ้าไม่อาเจียนเป็นเม็ดยาออกมาก็ไม่มีปัญหา

ผลข้างเคียงเรื่องอาเจียนมักเกิดหลังกินเม็ดที่ 2 มากกว่าเม็ดแรกครับ เพราะหลังกินเม็ดที่ 2 ระดับฮอร์โมนในร่างกายจะสูงกว่าเม็ดแรกมาก

กรณีที่รับประทานแล้วอาเจียนทันที หรืออาเจียนออกมาเป็นเม็ดยาอาจจะต้องรับประทานใหม่ค่ะ แต่หากเป็นหลังจากรับประทานไปแล้ว 3-4 ชั่วโมงอาจจะรอกินเม็ดต่อไปที่ 12 ชั่วโมงเลยได้ค่ะ แต่หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากทนไม่ไหว แนะนำให้หยุดรับประทานค่ะ เนื่องจากโอกาสการตั้งครรภ์ของคุณค่อนข้างน้อยมากๆตามเหตุผลที่อธิบายไว้ทางด้านบนค่ะ

ในเม็ดที่สองก็กรณีเดียวกับเม็ดแรกค่ะ หากรับประทานแล้วอาเจียนทันที หรืออาเจียนออกมาเป็นเม็ดยาอาจจะต้องรับประทานใหม่ค่ะ ส่วนโอกาสการตั้งครรภ์ในกรณีนี้แม้ไม่ได้ทานยาคุมฉุกเฉินค่อนข้างน้อยค่ะ ตามเหตุผลที่อธิบายข้างต้น แต่กรณีที่คุณกังวลามากจะรับประทานก็ได้ค่ะ โดยปกติยาคุมฉุกเฉินทุกยี่ห้อมักจะมี่ตัวยาตัวเดียวกันค่ะ คือ levonorgestrel สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป

คือในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องกินก็ได้ครับ เนื่องจากโอกาสตั้งครรภ์มีน้อยมาก

แต่ถ้ากินจริงๆแล้วอาเจียนก็ดูจากว่ามีเม็ดยาออกมาหรือไม่เป็นหลักครับ ถ้าหากอาเจียนแล้วมีเม็ดยาของรอบไหนออกมากก็ต้องกินเม็ดนั้นใหม่

ยาคุมกำเนิดที่สามารถซื้อได้มียี่ห้อpostinor กับ madonnaครับ

ถ้าไม่กินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินโอกาสตั้งครรภ์มีน้อยมากคือ ไม่น่าถึง 1%ครับ

ส่วนประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85%

กรณีที่กินยาเม็ดที่ 2 ไปแล้วอาเจียนออกมาเป็นเม็ดยา ให้กินใหม่เฉพาะเม็ดที่ 2 เม็ดเดียวครับ เพราะเม็ดแรกจะถูกดูดซึมไปเรียบร้อยแล้ว

ในกรณีของคุณนั้นไม่ว่าจะกินยาหรือไม่โอกาสตั้งครรภ์ก็มีน้อยทั้งคู่ครับ เพียงแต่การกินยาอาจช่วยให้สบายใจได้เท่านั้นเอง
แต่ก็อย่าลืมว่าสิ่งที่มาพร้อมกับยาคือผลข้างเคียงของยาครับ ยังไงลองชั่งน้ำหนักดูดีๆ

หมอหมายถึงให้ชั่งน้ำหนักของข้อดีข้อเสียของการกินยาคุมฉุกเฉินครับ ไม่ใช่กินยาแล้วน้ำหนักตัวจะขึ้น
ถ้าหากข้อดีคือการกินนั้นทำให้คุณสบายใจ มีน้ำหนักมากกว่าข้อเสียที่ทำให้อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะได้ จะเลือกกินยาคุมฉุกเฉินก็ได้ครับ

ในกรณีที่เริ่มรับประทานยาคุมหลังหมดประจำเดือนจะต้องรับประทานยาคุมติดต่อกันอย่างน้อย 7 วันก่อน ยาคุมจึงจะเริ่มออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ครับ อย่างไรก็ตามถ้าหากในระหว่างที่ยังรับประทานยาไม่ครบ 7 วันนั้นได้ใช้ถุงยางอนามัยเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย โอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ก็มีน้อยมากครับ

ในกรณีนี้จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ครับ

โดยปกติแล้วถ้าหากเลือกขนาดถุงยางอนามัยได้ถูกต้องและใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกวิธี โอกาสที่อสุจิจะเล็ดลอดออกมาจากถุงยางอนามัยก็จะมีน้อยมาก จึงเป็นไปได้ยากที่อสุจิจะรั่วออกมาจากขอบถุงยางอนามัยครับ

อย่างไรก็ตามถ้าหากมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงอันเป็นผลมาจากการใช้งานถุงยางอนามัยที่ไม่ถูกต้อง ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้ครับ

การมีเพศสัมพันธ์ที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้จะต้องเป็นการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่ครับ

การที่มีการสัมผัสน้ำอสุจิที่บริเวณภายนอกของช่องคลอดเท่านั้นแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ครับ

การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนั้นถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องและถุงยางอนามัยไม่มีการแตกรั่วก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2% ครับ ส่วนการที่มีอสุจิมาเลอะอยู่ที่บริเวณภายนอกของช่องคลอดนั้นจะไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ครับ เนื่องจากอสุจิที่เปื้อนอยู่ภายนอกของช่องคลอดมักจะไม่สามารถเข้าไปในช่องคลอดได้เองโดยไม่มีอะไรพาเข้าไปครับ

การมีเพศสัมำันธ์กันเพียงภายนอก ไม่มีการสอดใส่ และมีเสื้อผ้าขวางกั้นอยู่นั้นจะไม่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ครับ ในกรณีนี้จึงไม่ต้องกังวล และไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินครับ

การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีการสอดใส่จะไม่สามารถทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ครับ โดยเฉพาะถ้ามีเสื้อผ้ากั้นอยู่อีกชั้นหนึ่งด้วยก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มีการตั้งครรภ์ครับ

การที่ถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วระหว่างมีเพศสัมพันธ์จะทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้มากขึ้นครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรรีบหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

การที่ถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วระหว่างมีเพศสัมพันธ์จะทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้มากขึ้นครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรรีบหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเสมอไปครับ และการที่ไม่มีผลข้างเคียงจากยาเกิดขึ้นก็ไม่ได้เป็นการบอกว่าจะมีการตั้งครรภ์หรือจะมีผลกระทบใดๆตามมา

ในกรณีนี้หมอแนะนำให้รอสังเกตประจำเดือนดูก่อน ถ้าประจำเดือนขาดหายไปนานก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

การมีเพศสัมพันธ์ในครั้งแรกถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องก็จะถือว่าปลอดภัยจากการตั้งครรภ์เนื่องจากมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ

แต่การมีเพศสัมพันธ์ครั้งที่ 2 ที่ใช้การหลั่งนอกนั้นจะมีโอกาสที่จะมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27%

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหละงมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่โดยไม่ได้มีการป้องกันอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ แต่ถ้าหากเพิ่งสอดใส่เข้าไปเพียงครั้งเดียวโอกาสตั้งครรภ์ก็จะค่อนไปทางน้อยครับ

อย่างไรก็ตามถ้าหากต้องการความมั่นใจที่มากขึ้นก็สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ โดยให้รับประทานให้เร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อที่จะได้ลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่โดยไม่ได้มีการป้องกันอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ แต่ถ้าหากเพิ่งสอดใส่เข้าไปเพียงครั้งเดียวโอกาสตั้งครรภ์ก็จะค่อนไปทางน้อยครับ ส่วนการหลั่งอสุจิออกมาเลอะอยู่ที่บริเวณภายนอกของช่องคลอดนั้นจะไม่เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ครับ

ในกรณีที่ต้องการความมั่นใจเนื่องจากได้มีการสอดใส่ไปครั้งหนึ่งก็อาจรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

และถ้ายังกังวลอยู่ก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูได้ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ในกรณีที่ได้มีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ถ้ามีน้ำหล่อลื่นหลุดลอดเข้าไปในช่องคลอดครับ แต่ในกรณีนี้คงไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าได้ว่าจะมีน้ำหล่อลื่นหลุดลอดเข้าไปหรือไม่เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นได้ครับ

ถ้าหากมั่นใจว่าในช่วงที่สอดใส่นั้นอวัยวะเพศยังแห้งดีอยู่และไม่มีน้ำหล่อลื่นออกมาโอกาสตั้งครรภ์ก็มีน้อยมากและไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ครับ แต่ถ้าหากไม่มั่นใจก็สามารถหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อนได้ โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่โดยไม่มีการป้องกันนั้นจะมีโอกาสทำให้ผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% จากการที่อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ครับ

ในกรณีนี้จึงอาจหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ให้เร็วที่สุดก่อนได้ โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

ถ้าหากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่แต่มีเพียงการหลั่งที่บริเวณภายนอกของช่องคลอดเท่านั้นก็จะไม่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ครับ เนื่องจากอสุจิที่สัมผัสกับบริเวณภายนอกของช่องคลอดจะไม่สามารถไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องคลอดได้ถ้าหากไม่มีอะไรพาเข้าไป

การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ให้เร็วที่สุดก่อนได้ โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

ถ้าหากถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วระหว่างมีเพศสัมพันธ์ก็มีโอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ถุงจะไม่มีการหลั่งครับ เนื่องจากในกรณีนี้อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้

ในตอนนี้หมอแนะนำให้หายาคุมฉุกเฉินมารับประทานเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

ถ้ายังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็ยังสามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินได้อยู่ครับ

ทั้งนี้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้ได้ผลดีนั้นควรรับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยถ้ารับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

ถึงแม้จะมีการหลั่งนอกแต่ในช่วงที่ถุงยางอนามัยฉีกขาดก็อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ครับ

การที่น้ำอสุจิมาสัมผัสโดนบริเวณภายนอกของช่องคลอดจะไม่สามารถทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ครับ เนื่องจากอสุจิจะไม่สามารถไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องคลอดได้เอง

แต่ที่หมอไม่แน่ใจคือในขณะที่มีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่ได้มีการป้องกันด้วยวิธีใดหรือไม่ครับ เพราะถ้าหากไม่มีการป้องกันด้วยวิธีใดเลยในขณะที่สอดใส่ก็อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ

การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการใช้ถุงยางอนามัยโดยตลอดนั้นถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ ส่วนการใช้นิ้วที่เคยสัมผัสอสุจิมาก่อนแต่แห้งแล้วสอดใส่เข้าไปในช่องคลอดจะไม่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์เนื่องจากอสุจิที่ออกมาสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกแล้วจะมีการเสื่อมสภาพไปอย่างรวดเร็ว

จากเหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมดนี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ครับ