ถ้ากินยาคุมฉุกเฉิน ถูกวิธี มีโอกาสท้องไหมคะ ตอนนี้ประจำเดือนไม่มา4 วันแล้ว เคยตรวจครรภ์2 รอบ หลังมีเพศสัมพันธ์ 2 อาทิตย์ แล้วตรวจ1 ขีด ( หลังกินยาคุม 1 อาทิตย์ มีเลือดไหลออกมา คิดว่าเป็นผลของยา ตอนนี้ ประจำเดือนยังไม่มาเลยคะ เคยเห็นบางคนกินยาคุมฉุกเฉินไป ตั้งครรภ์ ตอนนี้กังวลมากคะ

ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินนั้นช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 75-85% ครับ แปลว่าถึงแม้จะรับประทานยาได้อย่างถูกต้อง ก็ยังมีโอกาสผิดพลาดเกิดการตั้งครรภ์ได้

ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ถ้าหากตรวจได้อย่างถูกต้อง คือ ตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วัน และใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ผลการตรวจจะมีความน่าเชื่อถืออยู่ที่97-99%ครับ ดังนั้นก็เชื่อถือได้ค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตามถ้าไม่แน่ใจผลตรวจ แนะนำให้ตรวจซ้ำที่ 1-2 สัปดาห์หลังการตรวจครั้งแรก จะได้ผลตรวจที่น่าเชื่อถือมากขึ้นครับ

นอกจากนี้ผลของยาคุมฉุกเฉินก็สามารถทำให้ประจำเดือนเลื่อนออกไปช้ากว่ากำหนดได้เช่นกัน ในเบื้องต้นจึงแนะนำให้รอประจำเดือนไปอีก 1-2 สัปดาห์ก่อนครับ ถ้าถึงตอนนั้นประจำเดือนยังไม่มาก็ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูอีกครั้ง

1. ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงค่ะ จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่าการใช้วิธีคุมกำเนิดปกติหลายเท่า ต่อให้รับประทานได้ถูกต้องและรวดเร็วแล้วก็ตาม จึงไม่ควรใช้บ่อย ๆ หรือใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ

2. ดังนั้น หากประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติ ก็ต้องตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

3. ถ้าใช้ชุดตรวจถูกต้อง และตรวจในเวลาที่เหมาะสม หากได้ผลเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ แต่ประจำเดือนอาจคลาดเคลื่อนจากความเครียด การเจ็บป่วย หรือแม้แต่การใช้ยาคุมฉุกเฉินเอง

4. แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมาเลยติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมนะคะ ว่าสาเหตุของความผิดปกตินี้เกิดจากอะไร เพื่อจะได้รักษาอย่างเหมาะสมค่ะ

5. ระหว่างที่รอให้ประจำเดือนมา หากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำ แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งนะคะ

ส่วนมากถ้าเป็นเลือดที่ออกหลังการกินยาคุมฉุกเฉินเพียง 5 วัน มักเป็นผลข้างเคียงของยาครับ

ลักษณะประจำเดือนที่จะมาหลังการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ควรเป็นลักษณะที่ใกล้เคียงกับประจำเดือนตามปกติ กล่าวคือ มาในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับกำหนดเดิม(คลาดเคลื่อนได้เล็กน้อยจากผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน) จำนวนวันที่เลือดออกใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านๆมา จำนวนผ้าอนามัยที่ใช้ต่อวันใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านๆมาครับ

เนื่องจากผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยไม่กี่วัน ดังนั้น ถ้าเลือดที่ออกมาอยู่ในช่วงเวลาที่คาดว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติ และมีปริมาณเลือดออกมามากจนต้องใช้ผ้าอนามัย 1 - 3 แผ่นต่อวัน รวมถึงไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็น่าจะเป็นประจำเดือนนะคะ

แต่ถ้าเป็นแค่เลือดกะปริบกะปรอย หรือหยดเลือดซึมเล็ก ๆ น้อย ๆ น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินค่ะ

ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ และถ้าใช้ชุดตรวจถูกต้อง หากได้ผลเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ

ไม่สามารถระบุวันให้ได้ เพราะไม่ทราบวันที่ผู้ถามมีเพศสัมพันธ์ ให้นับต่อจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ไปอีก 14 วันนะคะ

ถ้าใช้ชุดทดสอบถูกวิธีและตรวจในเวลาที่เหมาะสมตั้งแต่รอบแรก ผลตรวจนั้นก็เชื่อถือได้แล้วค่ะ แต่หากต้องการตรวจซ้ำอีกในภายหลัง เช่น อีก 1 สัปดาห์หลังจากนี้ ก็ไม่มีข้อห้ามนะคะ

ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

การมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 18 มิถุนายน แม้จะใช้ถุงยาง ซึ่งถ้าใช้ได้ถูกต้องและไม่มีการรั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก แต่เนื่องจากไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ดังนั้น หากไม่มีประจำเดือนมาตามปกติ ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันที่ 2 กรกฎาคมเป็นต้นไป

หรือไปตรวจทางเลือดห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 9 วัน ซึ่งจะเป็นวันที่ 27 มิถุนายนนะคะ

ถ้ามีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดเมื่อ 18 มิ.ย. ผลตรวจการตั้งครรภ์ที่ขึ้น 1 ขีดนั้นก็ยังไม่สามารถเชื่อได้ว่าถูกต้องครับ
การตรวจการตั้งครรภ์ที่มีความน่าเชื่อถือ ต้องตรวจหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วัน
ถ้าต้องการทราบผลการตรวจที่ถูกต้อง ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน และรอตรวจการตั้งครรภ์เมื่อถึงช่วงเวลาที่ควรจะเป็นครับ

หรือถ้าต้องการทราบแค่ว่าหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปมีความผิดพลาดหรือไม่ ก็ควรตรวจหลังจากที่รับประทานยาคุมฉุกเฉินครั้งนั้นอย่างน้อย 14 วัน(ซึ่งหมอไม่รู้ว่ารับประทานยาคุมฉุกเฉินไปเมื่อไหร่) แต่ผลการตรวจก็จะไม่ได้รับรองถึงการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งที่ห่างจากการตรวจการตั้งครรภ์ไม่เกิน 14 วันครับ

หรือในระหว่างนี้ถ้ามีประจำเดือนออกมาในลักษณะที่ใกล้เคียงกับประจำเดือนปกติ คือ
- ปริมาณเลือดที่ออกพอๆกับเดือนที่ผ่านมา
- จำนวนวันที่มีประจำเดือนใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา
- สีเลือดประจำเดือนเป็นเลือดเก่าสีคล้ำๆ
ถ้าเป็นแบบนี้ก็อาจพอตีความได้ว่าไม่น่ามีการตั้งครรภ์ครับ

ถ้าเช่นนี้แปลผลตรวจการครรภ์ของวันนี้ได้ว่าไม่มีความผิดพลาดของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน และไม่น่ามีการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 11 พ.ค., 24 พ.ค. และ 2 มิ.ย.ครับ

แต่ผลการตรวจไม่สามารถรับรองได้ว่าจะมีการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 18 มิ.ย.หรือไม่ เนื่องจากยังเว้นห่างก่อนตรวจไม่เกิน 14 วันครับ

ประจำเดือนจองผู้หญิงสามารถคลาดเคลื่อนได้จากหลายสาเหตุนอกเหนือจากการตั้งครรภ์ครับทเช่น
- ผลของยาคุมฉุกเฉิน
- ไข่ไม่ตกตามรอบปกติ
- ความเครียด
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยไป
- ความผิดปกติของรังไข่
เป็นต้น

เบื้องต้นแนะนำให้สังเกตประจำเดือนไปก่อนครับ เรื่องจากตรวจการตั้งครรภ์ไปหลายครั้งแล้ว
ถ้าหากกังวลมากก็แนะนำให้งดการมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้ไปก่อน และตรวจการตั่งครรภ์อีกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วัน เพื่อยืนยันให้แน่ใจอีกครั้งครับ
และถ้าถึงตอนนั้นตรวจแล้วไม่มีการตั้งครรภ์ แต่ประจำเดือนก็ยังไม่มา อาจไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุได้ครับ

ถ้ามีเพศสัมพันธ์ไปครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. การตรวจเลือดเพื่อดูการตั้งครรภ์อาจยังไม่ได้ให้ผลตรวจที่ถูกต้องครับ
การตรวจการตั้งครรภ์โดยตรวจจากเลือดนั้น จะตรวจได้แม่นยำเมื่อตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 10 วัน ซึ่งก็คือวันที่ 28 มิ.ย. เป็นต้นไปครับ
นอกจากนี้การตรวจการตั้งครรภ์จากผลเลือดนั้นจะทำได้เฉพาะในบางโรงพยาบาลเท่านั้น ถ้าจะใช้การตรวจวิธีนี้แนะนำว่าควรสอบถามไปที่โรงพยาบาลที่ต้องการใช้บริการก่อนครับว่าสามารถตรวจได้หรือไม่

ถ้ากังวลเรื่องการตั้งครรภ์มาก ตอนนี้หมอคงตอบได้แค่ว่าน่าจะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์รอบที่ผ่านมาทั้งหมด ยกเว้นรอบวันที่ 18 มิ.ย. ครับ เพราะผลการตรวจการตั้งครรภ์รอบที่ผ่านมานั้นยังไม่ได้เว้นห่างจากวันที่ 18 มิ.ย. ถึง 14 วัน

อย่างไรก็ตามเนื่องจากในวันที่ 18 มิ.ย.ได้มีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัย ถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้อง และไม่มีการแตกรั่วของถุงยางอนามัย โอกาสตั้งครรภ์ก็มีประมาณ 2% เท่านั้นครับ
ดังนั้นควรทำใจเย็นๆและรอไปก่อนจนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่ตรวจการตั้งครรภ์ได้ตามที่หมอเคยแนะนำไปครับ

อย่างไรก็ตามไม่มีวิธีคุมกำเนิดวิธีใดที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ครับ ดังนั้นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ก็เท่ากับว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์เสมอ ไม่ว่าจะป้องกันดีแค่ไหนก็ยังสามารถตั้งครรภ์ได้ครับ เพียงแต่จะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อยเท่านั้น

ถ้าหากไม่ต้องการกังวลกับการตั้งครรภ์เลยแม้แต่น้อย ก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตรครับ

ถ้าหากเดิมเป็นคนที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปประจำเดือนก็มักจะยังมาใกล้เคียงกับกำหนดตามปกติอยู่หรือถ้ามีการคลาดเคลื่อนก็มักไม่เกิน 4-5 วันครับ

สำหรับการตรวจการตั้งครรภ์นั้นก็จะสามารถเริ่มตรวจได้เมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ซึ่งก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

การมีเพศสัมพันธ์หรือการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน ไม่ได้ทำให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อนค่ะ นั่นหมายถึง ถ้าตรวจแล้วได้ผลเป็น 2 ขีด ก็คือมีการตั้งครรภ์นั่นเองนะคะ

แต่การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ควรตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ปัสสาวะแรกของวัน และตรวจห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

ดังนั้น ถ้าตรวจหลังตื่นนอนเช้าพรุ่งนี้ เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด จะบอกได้เพียงว่า การมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 14 วันขึ้นไปก่อนหน้านี้ เชื่อได้มากกว่า 99% ว่าไม่ทำให้ตั้งครรภ์ค่ะ

แต่การมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด ยังถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% ตามผลป้องกันของยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งถือว่าเสี่ยงมากกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่า เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดปกตินั่นเองค่ะ

ดังนั้น หากต้องการให้ได้ผลตรวจที่แน่ชัด ควรงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน แล้วตรวจการตั้งครรภ์ซ้ำอีกในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ