September 01, 2018 21:44
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
โดยปกตินั้นคนเราสามารถมีความกังวลเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติในชีวิตครับ ประโยชน์ของการมีความกังวลคือจะเป็นการช่วยให้เราสามารถระวังตัวจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันหรือสามารถวางแผนต่างๆในชีวิตได้อย่างเหมาะสม
แต่ถ้าหากความกังวลดังกล่าวเกิดขึ้นมากเกินควร เกิดขึ้นอยู่เกือบตลอดเวลา หรือกังวลมาจนส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน ความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง อาการดังกล่าวก็อาจเกิดจากการเป็นโรควิตกกังวลได้ครับ
ในเบื้องต้นนั้นหมอแนะนำให้พิจารณาถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาดูก่อนครับว่ามีเหตุการณ์ใดที่ตัวเองกังวลมากเกินควรไปบ้าง และมากเกินไปอย่างไร เมื่อรู้เท่าทันความกังวลของตัวเองก็จะสามารถจัดการกับความคิดของตนเองได้อย่างเหมาะสมครับ
แต่ก็มีหลายๆคนที่มีอาการกังวลมากเกินควรในลักษณะนี้และไม่สามารถควบคุมความกังวลของตนเองได้ครับ ส่วนหนึ่งนั้นเชื่อว่าปัญหานี้เกิดจากการทำงานของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติไป ทำให้ไม่สามารถควบคุมให้ความกังวลได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งมีวิธีการที่จะรักษาให้ดีขึ้นได้ครับ
ถ้าหากความกังวลดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชีวิตของคุณมากๆหรือไม่สามารถควบคุมความกังวลดังกล่าวด้วยตนเองได้ หมอก็แนะนำให้ลองไปปรึกษาจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการเพิ่มเติมดูครับ เมื่อทราบสาเหตุที่แน่ชัดแล้วจะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขอบคุณมากคะ ตอนนี้คิดว่าตนเองยังไม่ถึงขั้นกังวลมากเกินไป หรือกังวลอยู่ตลอดเวลา จะเกิดความกังวัล ความกลัวก็แค่ต่อเมื่อลุกป่วย อาจจะด้วยความเป็นห่วงลูกมากๆ แล้วจากเหตุการณ์ที่ลุกเคยป่วยเข้าโรงพยาบาลคงทำให้กลัวเวลาลูกป่วย ยังไงจะลองสังเกตุอาการตัวเองต่อไปนะคะ ว่าจะหายไปได้เอง หรือจะมากขึ้นจนต้องไปพบแพทย์
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ถ้าความวิตกกังวลเหล่านั้นมีมากจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ และไม่สามารถที่จะหยุดความคิดนั้นได้ หรือเมื่อวิตกกังวลแล้วมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใจสั่น หน้ามืด จะเป็นลม เหงื่อออกเยอะ มือเท้าชา หายใจไม่อิ่ม เป็นต้น อาการแบบนี้อาจเข้าข่ายโรคในกลุ่มวิตกกังวล ซึ่งควรไปพบจิตแพทย์ รับการตรวจวินิจฉัยโรคให้แน่ชัดแล้ว รักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านั้นได้ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
แต่หากมีแค่ความคิดวิตกกังวลอย่างเดียว ไม่มีอาการอื่นๆร่วม ความกังวลนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน หลับได้ดี ทำงานได้ กินได้ปกติ ลักษณะเช่นนี้อาจเป็นความคิดที่ไม่ปล่อยวาง ควรปล่อยวาง และควบคุมความคิดให้อยู่กับปัจจุบัน วันนี้ เดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้เป็นเรื่องอนาคต ไม่ต้องไปคิดถึงมัน เมื่อวานเป็นอดีตมันผ่านไปแล้วก็จบกันไปค่ะ และควรหาเวลาผ่อนคลายความเครียด ด้วยการทำกิจกรรมอื่นๆที่ชอบ ออกกำลังกายด้วยนะคะ จะช่วยให้เราไม่หมกมุ่นกับเรื่องนั้นมากจนเกินไปค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
รู้สึกว่าตัวเองมีความกลัวคะ กลัวว่าลูกจะเป็นอะไร บางทีแค่ลูกเป็นหวัดธรรมดาก็กังวลว่าเขาจะเป็นโรคนั้นโรคนี้ แต่ไม่ได้มีเรื่องเครียดอะไรเลยในชีวิตประจำวัน ใช้ชีวิตได้ปกติ กินอิ่มนอนหลับ เที่ยว พบเจอผู้คนได้ปกติ แต่แค่กลัวเรื่องลูก แล้วบางทีก็กลัวตัวเองตาย กลัวความตาย กลัวความเจ็บ แบบนี้เรียกวิตกจริตไหมคะ แล้วจะต้องไปพบจิตแพทย์ไหม
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)