สวัสดีค่ะ พอดีมีอาการแสบที่อวัยวะเพศ พอลองลูบๆดู เป็นตุ่มเล็กๆ แต่ว่าจะแสบ ไม่มีเพศสัมพันธ์มา 4 ปีแล้วค่ะ แนบรูปมาด้วย แต่อาจจะไม่ค่อยชัดนะคะ เคยเป็นมาอยู่นะคะแล้วมันก้จะหายไปเอง แต่ว่าช่วงนี้ได้เห็นข้อมูลซิฟิลิศ เลยกังวลค่ะ ตอนนี้กินยาแก้อักเสบทีซีไมซิน ด้วยค่ะเผื่อจะดีขึ้น รบกวนด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะ
ขอธิบายเรื่องซิฟิลิสคร่าวๆนะคะ ซิฟิลิสมี 3 ระยะคือ
-ซิฟิลิสระยะที่ 1 : ผู้ป่วยมีแผลที่อวัยวะเพศ หรือที่ทวารหนัก ลักษณะเป็นแผล
ขอบแข็ง ไม่เจ็บ อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต
-ซิฟิลิสระยะที่ 2 : ผู้ป่วยมีผื่นแดงตามลำตัว ผื่นตามฝ่ามือฝ่าเท้า อาจมีผื่น
ผื่นในช่องปาก ผมร่วงได้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบและที่ตำแหน่งอื่นๆ โต
-ระยะแฝง : เป็นระยะที่ไม่ปรากฏอาการใดๆ
-ซิฟิลิสระยะที่ 3 : เป็นซิฟิลิสขั้นรุนแรงมีภาวะแทรกซ้อนหลายระบบ เช่นซิฟิลิสระบบหัวใจ และหลอดเลือด ระบบประสาท

ในกรณีของผู้ป่วยถ้าแผลไม่มีขอบชัดเจนร่วมกับมีอาการปวดแสบอาจเป็นเริมหรือแผลริมอ่อนได้มากกว่าค่ะ แนะนำพบแพทย์เพื่อตรวจดูโดยละเอียดค่ะ ไม่แนะนำซื้อยารับประทานเองค่ะ เพราะปัจจุบันมียาฉีดบางตัวที่ให้ผลดีมากกว่ายากินค่ะ

เริมจะเป็นได้ซ้ำเรื่อยๆถ้าร่ายกายอ่อนแอลงค่ะ เพราะเชื้อจะฝังอยู่บริเวณปมประสาทค่ะ ในกรณีของแผลริมอ่อนยาที่ใช้รักษาเช่น Azithromycin (250 mg) รับประทาน 4 เม็ดครั้งเดียว(1000 mg) ในกรณีไม่แพ้ยานะคะ
ส่วนเรื่องเริม ถ้าเป็นซ้ำแนะนำรับประทานยา acyclovir (800 mg) รับประทาน 1 เม็ดวันละ 2 ครั้งนาน 5 วันค่ะ ถ้าไม่แพ้ยาเช่นกันค่ะ และถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรพบสูตินรีแพทย์ค่ะ

รับประทานทั้ง 2 ตัวค่ะ โดย Azithromycin 250 mg กินแค่ 4 เม็ดครั้งเดียวค่ะ รักษาเรื่องริมอ่อน
ส่วน acyclovir 800 mg รับประทาน 1 เม็ดหลังอาหารเช้า-เย็นเป็นเวลา 5 วันค่ะ รักษาเรื่องเริมค่ะ ซื้อได้ตามร้านขายยาค่ะ แต่ที่สำคัญและถูกต้องคือควรพบแพทย์ด้วยนะคะ