July 17, 2019 08:47
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
รอบที่ใส่ถุงยาง ถ้าไม่ขาดไม่รั่ว ก็ไม่ท้องครับ
ส่วนรอบที่หลั่งใน ยาคุมที่กินหลังมีเพศสัมพันธ์ไปเเล้ว ต้องเป็น ยาคุมฉุกเฉินนะครับ ไม่ใช่ยาคุมแผงรายเดือนทั่วไป
กรณีที่มีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ป้องกัน เเละไม่ได้คุมกำเนิดวิธีอื่นมาก่อน
ถ้ายังไม่เกิน120 ชม. นับจากที่มีเพศสัมพันธ์
ให้รับประทานเป็น “ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน” ครับ ตามร้านยาจะเป็น ยี่ห้อ Postinor,Madonna {ตัวยาชนิดเดียวกัน}
แต่ละกล่องจะมี ยา 2 เม็ด
หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte
.............
รับประทานให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน โดย
.............
ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน ชนิด 2เม็ด เช่น Postinor หรือ Madonna ได้สองวิธี
1.รับประทานทันที 2 เม็ด
2.รับประทาน 1 เม็ดทันที เเละรับประทาน เม็ดต่อไป ในอีก 12 ชม.
สองวิธีประสิทธิภาพไม่เเตกต่างกัน (หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte ก็กินเม็ดเดียวไปเลยครับ)
วิธีเเรกสะดวก แต่อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่า
วิธีที่สอง อาการคลื่นไส้อาเจียนน้อย เเต่ต้องดูเวลาดีๆ ครับ
.............
หากอาเจียนภายใน 2 ชม.หลังกินยา ต้องกินใหม่นะครับ เพราะยายังไม่ได้ดูดซึม
.............
ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม ได้ครับ
และ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์นะครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
.........
ส่วนโอกาสตั้งครรภ์
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
อย่างที่บอกยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่ควรรับประทานเกิน2แผงต่อเดือนครับ ถ้ามีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ เเนะนำเป็นคุมกำเนิดรายเดือน หรือใช้ถุงยางอนามัยดีกว่าครับ
เนื่องจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นฮอร์โมนขนาดสูง
ในระยะยาวมีผลต่อรังไข่ได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
ไม่ทราบว่า ยาตุมกำเนิดที่ทาน เป็นยาคุมกำเนิดแบบไหน ทานอย่างไรครับ
กรณีแรก ยาคุมกำเยิดฉุกเฉิน
>> การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้อวกัน หากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90% (มีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 10-15%)
ดังในกรณีของคนไข้ครับ
>> ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
>>ถ้าคนไข้ต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติค่ะ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือ 14 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
กรณี ยาคุมกำเนิดรายเดือน
หากคนไข้ ทานยาคุมรายเดือนมาแล้ว อย่างน้อย 7วันอย่างต่อเนื่อง หรือ ทานยา ภายในวันที่ 2-5 ของการมีประจำเดือน และไม่ขาดยา อย่างถูกต้อง แม้หลั่งอสุจิในช่องคลอด ก็โอกาสการตั้งครรภ์ต่ำมาก น้อยกว่า 1%ครับ
-หากไม่ได้ทานยาอย่างต่อเนื่อง หรือทานไม่ถูกต้อง อาจเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมอคะพอดีหนูมีเพศสัมพันธ์กับเเฟนเเละมันเกิดเเตกข้างในเเต่หนูกินยาคุมเเล้วจะท้องไหมคะเเละอีห2-3วันหนูกฌมีเพศสัมพันธ์อีกเเต่หนูไส่ถุงยางหนูจะท้องมั้ยคะหมอถ้าหนูท้องหนูควรทำอย่างไรคะหมอ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)