สวัสดีค่ะ อันนี้เป็นอาการของแฟนหนูนะคะ คือแฟนหนูเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเป็นหวัดแล้วได้รับยาฆ่าเชื้อ 2 ตัวก็กินตามหมอสั่งปกติ จนกระทั่งวันพุธตอนเย็น หลังจากกินข้าวตอนมื้อเย็นไป เขาก็มีอาการจุกๆตรงกลาง และต่ำกว่าลิ้นปี่ค่ะ เวลาเรอ หรือ หายใจบางจังหวะ ก็จะแน่นๆเจ็บๆ เมื่อวานไปหาคุณหมอที่รพ.มา แต่แผนกคัดกรองผู้ป่วย ฟังอาการเบื้องต้นเดาว่าน่าจะเป็นที่ด้านหัวใจ เลยให้ไปตรวจที่ด้านหัวใจ แต่ทางคุณหมอฟังอาหารและวินิจฉัยว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับด้านหัวใจ แต่ก็ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อความชัวร์ ผลกราฟออกมาก็ปกติ หมอเลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น เพราะยาฆ่าเชื้อ Clindamycin (รูปตามไฟล์แนบค่ะ) หรืออีกตัว (จำชื่อไม่ได้) แล้วให้ยาลดกรดมา เพื่อลดแก้ส แต่อยากขอคำปรึกษาจากคุณหมอท่านอื่นอีกทีค่ะ เพราะตอนนี้แฟนก็ยังรู้สึกจุกอยู่ แล้วก็ไม่ดีขึ้นเลย รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ :)

ตัวยาคลินดามัยซินเอง ไม่ได้มีผลระคายเคืองทางเดินอาหารค่ะ แต่อาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดมวนท้องได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยาที่ใช้อยู่ในรูป Clindamycin hydrochloride ซึ่งเป็นกรด หากรับประทานยาแล้วดื่มน้ำตามไม่มาก หรือรับประทานยาแล้วเอนตัวลงนอนทันที หากเม็ดยายังค้างอยู่ที่หลอดอาหาร เมื่อแคปซูลแตกออก กรดก็จะไปกัดเนื้อเยื่อบริเวณนั้นจนเกิดเป็นแผล ทำให้มีอาการแสบร้อนยอดอก จุกแน่น หรือกลืนลำบากได้ค่ะ

หรือในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนอยู่แล้ว การที่ยาคลินดามัยซินมีผลข้างเคียงที่ทำให้ทางเดินอาหารปั่นป่วน ก็อาจทำให้อาการของโรคกรดไหลย้อนที่เป็นอยู่กำเริบหรือรุนแรงขึ้นได้ค่ะ

ในกรณีที่เกิดแผลในหลอดอาหาร หากเป็นไม่มากก็จะหายเองได้ค่ะ แต่ต้องใช้เวลาอีกสักพัก (เหมือนเวลาเรามีบาดแผลค่ะ ต้องใช้เวลากว่าแผลนั้นจะสมานและหายดี) ดังนั้น ตอนนี้ยาคลินดามัยซินน่าจะหมดแล้ว เมื่อไม่ได้ใช้ยาต่อและมีการรับประทานยาลดกรดที่คุณหมอให้มา อาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองค่ะ แต่หากใช้ยาหลายวันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นเลย หรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น ก็คงต้องกลับไปพบคุณหมอเพื่อพิจารณาการรักษาเพิ่มเติมนะคะ

เนื่องจากไม่ทราบว่ายาอีกตัวที่ผู้ถามเอ่ยถึงคือยาอะไร (เพราะยาตามภาพคือคลินดามัยซิน) แต่หากเป็นยาที่มีผลระคายเคืองทางเดินอาหารก็อาจให้ผลดังกล่าวได้เช่นกันค่ะ

อาการที่พบได้บ่อยของแผลในหลอดอาหาร คือ เจ็บหน้าอก กลืนเจ็บ กลืนลำบาก และแสบร้อนกลางอก

แต่จะทราบว่าผู้ป่วยมีภาวะนี้จริงหรือไม่ ต้องขึ้นกับการวินิจฉัยของแพทย์นะคะ ซึ่งในกรณีที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาการตรวจเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องหลอดอาหาร หรือการตรวจอื่น ๆ ตามความเหมาะสมค่ะ

ดังนั้น ต้องทบทวนว่าคุณหมอวินิจฉัยมาว่าอย่างไร และใช้ยาหรือปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากใช้ยาหลายวันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาเพิ่มเติมค่ะ