ชาบริเวณแขนข้างซ้ายก่อนนอน (เมื่อคืนวันจันทร์) ชาในหัวเข่าตอนนอน (เมื่อคืนวันพุธ) และ มาชาบริเวณต้นคอและบ่า (ตอนนั่งทำงานที่ออฟฟิศเที่ยงวันศุกร์) ทั้งหมดคือข้างขวาที่ชา ไม่ทราบว่ามันผิดปกติหรือเปล่าค่ะ ต้องแก้ไขยังได้บ้างค่ะ มันชาปนเจ็บจี้ดๆเป็นระยะ แต่ชาน่ะชานานมาก จนตอนนี้ชาบริเวณต้นคอมาจะ 3 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่หายค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ

สวัสดีค่ะ สาเหตุมี่ทำให้เกิดอาการชา มีหลายสาเหตุค่ะ ได้แก่ >>>>>สาเหตุทางระบบประสาท ไม่ว่าจะเป็น ระบบประสาทส่วนกลาง หรือระบบประสาทส่วนปลายค่ะ >>ระบบประสาทส่วนกลาง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น อาการชา อาจจะมีลักษณะ ชาซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย อาจจร่วมกัยมีอสการหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว ร่วมด้วย หรือ มีอาการแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วย บางคนอาจมีปวดหัว หรือถ้าอาการเป็นอย่างเฉียบพลัน อาจมีตามัว อาเจียนพุ่ง ได้ค่ะ ซึ่งถ้ามีอาการดังกล่าว แนะนำให้รีบไป รพ โดยทันทีค่ะ นอกจากนี้ ระบบประสาทส่วนกลาง อาจหมายถึงบริเวณของไขสันหลังได้ค่ะ การกดทับเส้นประสาทที่ไขสันหลัง ก็อาจทำให้มีอาการชา หรืออ่อนแรงได้เช่นกัน ทั้งนี้ อาการชาจะอยู่ที่แขน หรือขา หรือ ทั้งขาและแขน ขึ้นกับว่าเส้นประสาทถูกกดทับที่บริเวณไหนของกระดูกสันหลังค่ะ ตัวอย่างโรค เช่น การตีบแคบของช่องกระดูกสันหลัง (spinal canal stensosis) หรือ กระดูกทับเส้นประสาท (herniated disc) อาจจะมีอาการเสี่ยงปล้าบลงปลายขาร่วมด้วยก็ได้ค่ะ ความเสี่ยงของการเป็นโรคนี้ เช่น การยอกของหนักบ่อยๆ การออกกำลังกายหนักๆและผิดท่า อุบัติเหตุที่กระดูกสันหลัง เป็นต้นค่ะ >>ระบบประสาทส่วนปลาย เช่น การกดทับของเส้นประสาทบริเวณข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ เป็นต้น หรือ การบาดเจ็บเล็กน้อยของปลายประสาท ทำให้มีอาการชา ล่างต่อปลายประสาทนั้น เช่น ชาปลายมือ หรือขาเป็นยาวนิ้ว เป็นต้น ค่ะ 2.สาเหตุอื่นๆ เช่น เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ , ภาวะทุพโภชนาการ ,ภาวะเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การรักษาอาการชา ควรรักษาที่ต้นเหตุ เช่น การให้ยา การผ่าตัด เป็นต้น ซึ่งการรักษาจะแตกต่าวกันไปตามสาเหตุค่ะ การให้วิตามิน (วิตามินบี รวม) เป็นการให้การรักษาเสริม ซึ่งคนไข้อาจลองรัประทานเสริมดูได้ค่ะ ซึ่งให้ผลดี แต่ถ้าเป็นมากๆ ก็จะไม่สามารถทำให้หายจากอาการขาได้ โดยเฉพทะถ้าสาเหตุนั้น มาจากระบบประสาทส่วนกลางค่ะ ลักษณะอาการชาของคนไข้ จะบอกได้ค่อนข้างยากว่า เกิดจากสาเหตุอะไร เนื่องจาก ลักษณะการเกิดไม่ชัดเจนและ ไม่ได้เป็นตลอด ค่ะ และเป็นอย่างเฉียบพลัน (คือเป็นมาไม่นาน) อาจจะทำให้นึกถึงสาเหตุที่เร่งด่วนอันตราย อย่างโรคหลอดเลือดสมองลดลง แต่อาจจะยังเป็นอาการขาของระบบประสาทส่วนปลาย หรือ ภาวะทุพโภชนาการได้ค่ะ ดังนั้น แนะนำว่า คนไข้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจเลือด หรือส่งตรวจทางห้องปฏิบะติการอื่นๆเพิ่มเติมค่ะ เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องที่สุดค่ะ