ไอติดต่อกันมาเป็นเดือนแล้วค่ะ ไม่ได้ไอตลอดเวลา จะเว้นช่วงห่างค่อนข้างนานบางทีหลายชั่วโมง แต่เวลาไปขึ้นมาแล้ว เหมือนลำคอตีบตันหายใจไม่ทัน หายใจไม่ออก ต้องพยายามสูดลมหายใจ หืด หืด เข้าไป เหมือนคนเป็นหอบหืดเลยค่ะ แต่ไม่ได้เป็นไข้ ไม่มีเสมหะ ไม่เจ็บคอ แต่เหมือนมีอะไรเหนียวๆ ติดอยู่ในคอ กระแอมก็ไม่ออก ช่วยแนะนำหน่อยเถอะค่ะ กลัวจะหายใจไม่ทันชักแหง่กๆ ขึ้นมาจริงๆ 555

สวัสดีค่ะ เบื้องต้น อาการมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป เป็นอาการที่ควรเริ่มจะต้องหาสาเหตุ เรื่องจากอาจกลายเป็นอาการไอเรื้องรังได้ค่ะ ซึ่งสามารถเป็นได้จากหลายสาเหตุคะ ซึ่งควรจะต้องได้รับการซักประวัติ ตรวจร่างกายเพ่มเติมค่ะว่าอาการร่วมต่างๆมีอะไรบ้าง เพื่อช่วยการวินิจฉัย ได้แก่ 1.หากมีน้ำมูกไหลลงคอ มีปวดตามใบหน้า มีน้ำมูกเขียวข้น อาจเป็นไซนัสอักเสบได้ ควรจะค้องได้รับยาฆ่าเชื้อเฉพาะ และอาจจะต้องตรวจร่างกายส่องดูไซนัส 2.อาการภูมิแพ้ อาจมีอาการไอบ่อยๆ โดยเฉพาะถ้ามีไอกลางคืนบ่อยๆ ทำกิจกรรมแล้วเหนื่อยมากขึ้น ร่วมกับถ้าคนไข้สุบบุหรี่ อาจมีปัญหาหลอดลมตีบ หรือ หอบหืดได้ หรือไอมากเมื่ออยู่ในห้องที่ฝุ่นค่อนข้างเยอะหรือ ไปทุ่งดอกไม้เป็นต้นคะ **กรณีเวลาหายใจออกลำบาก และมีเสียงวี้ด น่ากังวลใจว่าคนไข้อาจจะเป็นหอบหืดได้นะคะ อาการหอบหืด อาการคือ 1.มีอาการเหนื่อยง่านกว่าที่ควรจะเป็น เช่น เดินปกติ ทำงานเบาๆ 2.ตื่นมาไอตอนกลางคืนจนรบกวนการนอน หายใจลำบาก 3.อาจมีสิ่งกระตุ้นชัดเจนทเช่น ไอมีน้ำมูกเบ็กน้อย ก็เหนื่อยมาก หรือเป็นช่วงฤดูฝน หรือฤดูหนาว 4.อาจมีอาการคันหูคันจมูก ร่วมด้วย (แต่จะไม่มีก็ได้ค่ะ) 5.การตรวจร่างกาย ฟังได้เสียงวี้ดที่ปอดชัดเจนทและเมื่อพ่นด้วยยาขยายหลอดลม จะดีขึ้นค่ะ 6. สมรรถภาพของปอดแย่ลงเมื่อมีอาการ ดีขึ้นด้วยยาขยายหลอดลม ดังนั้น จึงสำคัญมากที่คนไข้ ควรรีบไปตรวจร่างกายเพิ่มเติม เนื่องจากปล่อยไว้ อาจเป็นอันตรายนะคะ 3.วัณโรคปอด ต้องถามเพิ่มเติมว่ารอบตัวคนไข้มีใครไอเรื้อรัง ไหม คนไข้มีอาการอื่นๆร่วมด้วยหรือไม่ เช่น เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นต้น 4.เส้นเสียง กล่องเสียงอักเสบ อาจมีอาการไอเรื้อรัง เสียงแหบได้ มีเสมหะในคอ 4. อาจไม่เกี่ยว กับการติดเชื้อหรือภูมิแพ้ ได้แก่ กรดไหลย้อน ซึ่ง อาจมีอาการจุกแสบแน่นอก และแสบร้อนยอดอก ระคายเคืองกล่องเสียง อาจมีอาการไอเรื้อรังได้ เยื้องต้นแนะนำให้ไปตรวจกับอายุรแพทย์ หรือ แผนกหูคอจมูก เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมค่ะ ส่วนยาแก้ไอโดยปกติมีอยู่สองชนิดด้วยกัน 1.ยาละลายเสมหะ จะทำการละลายเสมหะทำให้ไอและขับเสมหะได้มากขึ้นยาแก้ไอชนิดนี้ส่วนใหญ่จะทำให้ไอลดลงจากการที่เสมหะลดลงคะ 2.ยากดการไอ ยาจะไปยับยั้งไม่ให้เกิดการไอเกิดขึ้นมักจะใช้ในกรณีไอแห้งๆไม่มีเสมหะไอจากอาการแพ้หรือหลอดลมตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นไวเกินคะ ไม่แนะนำให้ใช้ในการอักเสบตอดเชื้อเนื่องจากจะขับเอาเสมหะออกไม่ได้